Economic analysis
ttb analytics มองการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อขาลง ห่วงเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตไม่ถึง 3.4%
ttb analytics มองว่า ผลจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปี ทำให้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่มีอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมายังคงต่ำกว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) อยู่ในระดับต่ำจนอาจติดลบได้ในหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย อย่างไรก็ดี การเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เพียงพอที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาเป็นบวกได้นั้น อาจจำเป็นต้องพิจารณาตัวแปรหรือองค์ประกอบด้านเศรษฐกิจและสังคมอื่นร่วมด้วย เพื่อรักษาสมดุลระหว่างระดับราคา เสถียรภาพทางการเงิน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ttb analytics คาดตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนสูง ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ย ขาขึ้นใกล้สิ้นสุด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะการเงินตึงตัวและวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่ใกล้สิ้นสุด ในขณะที่ระดับเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวได้ช้า จึงมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด ซึ่งอาจทำให้ตลาดกลับมาปิดรับความเสี่ยง (Risk-off Sentiment) ส่งผลให้ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนสูงได้ในระยะต่อไป
ttb analytics ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
ตามแรงกดดันค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง พร้อมกับความเสี่ยงที่บางประเทศจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิค เป็นปัจจัยกระทบต่อการส่งออกสินค้าและการผลิตของไทย
เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ttb analytics ชี้ไทยจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายสู่ระดับ 2.00% ในรอบการประชุมเดือนพฤษภาคม
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มองว่า ผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% สะท้อนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดรอบนี้เข้าสู่จุดสูงสุดของวัฏจักรขาขึ้น โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ต่อเนื่องอย่างน้อยในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2566 ซึ่งอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มกลับมาอ่อนค่า ตามแรงการขายทำกำไรในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ และแนวโน้มฟันด์โฟลว์น่าจะไหลเข้าตลาดยุโรปและตลาดเกิดใหม่มากขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจปรับขึ้นต่อเนื่อง
ttb analytics ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หนุนเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง ผ่านการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าไทย จะเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศในช่วงต้นปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนและความต้องการสินค้าจากประเทศจีนมีสัญญาณดีขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยในปี 2566 สูงถึง 5.3 ล้านคน โดยครึ่งปีแรกกำลังซื้อยังเป็นไปอย่างจำกัด และจะเริ่มดีขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีนซึ่งจะทยอยหดตัวน้อยลงในครึ่งแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนขยายตัวร้อยละ 0.2 ในปีนี้
คาดดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2566 มีโอกาสพลิกเกินดุล จับตาระยะสั้นตลาดการเงินผันผวนมากขึ้นรับดอกเบี้ยขาขึ้นและเงินบาทแข็งค่า
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่า ในปี 2566 ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยมีแนวโน้มกลับมาเกินดุลราว 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.7% ต่อจีดีพี จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ดีกว่าที่คาดไว้ รวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่เร็วกว่าที่ประเมิน ขณะเดียวกับที่เงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างชาติก็ไหลเข้าตลาดการเงินไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี โดย ณ สิ้นปี 2566 คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.0-33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ttb analytics ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 โตได้ 3.6%
แรงส่งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและการบริโภคในประเทศ แม้มีผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ttb analytics มองเศรษฐกิจไทยปี 2566 เติบโต 3.7% เร่งขึ้นจากปี 2565 ที่ 3.2%
โดยได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และวัฏจักรการบริโภคที่ฟื้นตัว ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ttb analytics มองเศรษฐกิจโลกชะลอตัวพร้อมปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม คาดว่าปี 2565 ส่งออกยังโตได้ 8.1% สวนทางการนำเข้าที่เร่งตัวสูง
เข้าสู่ช่วงปลายปี 2565 เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 2565 หลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2565 นี้ นับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า เช่น ภัยแล้ง และความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีจีนและไต้หวัน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้เกิดความผันผวนและมีความแตกต่างกันในจังหวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ttb analytics แนะครัวเรือนบริหารเงินสดและหนี้สินให้เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะการเงินครัวเรือนตึงตัว หลังค่าครองชีพเพิ่มและดอกเบี้ยขาขึ้น
หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปีจาก 0.5% เป็น 0.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในประเทศไทยที่เร่งตัวและคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ประกอบกับเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนต่อเนื่องจึงมีความจำเป็นน้อยลงที่ต้องพึ่งพานโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ ด้วยเหตุนี้ ภาคครัวเรือนจึงจำเป็นต้องแบกรับภาระทางการเงินมากขึ้น ทั้งจากค่าครองชีพสูงและอัตราดอกเบี้ยในประเทศขาขึ้น โดยเฉพาะครัวเรือนกลุ่มรายได้น้อยและกลุ่มที่มีภาระหนี้สินในระดับสูง จะรับรู้ผลกระทบได้ค่อนข้างชัดเจนกว่ากลุ่มอื่น