ตลาดหุ้นอินเดียยังทรงพลัง
อย่าพลาดพลั้งไม่มีในพอร์ต
·
ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นอินเดีย (NIFTY
50) ปรับตัวลงมาใกล้ระดับ 15,000 จุด
ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปี จากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เพิ่มขึ้นอย่างเร็วอันเนื่องมาจากราคาพลังงานและราคาอาหารที่สูงขึ้น
ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความกังวลว่าอินเดียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่จะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้นจนส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานของประเทศถดถอยลง
จึงมีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นออกมาต่อเนื่อง นอกจากนี้
การที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Repo
Rate อย่างรวดเร็ว (ปรับขึ้นไปแล้ว 90 bps) เพื่อดึงเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในกรอบ
2-6% เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้น
โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Mid-Small ที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบมากจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
Outlook&Strategy: ในครึ่งหลังของปี
2022 ตลาดหุ้นอินเดียยังน่ากังวลอยู่หรือไม่?
· เรามองว่าไม่น่ากังวล เนื่องจาก
1. ตลาดหุ้นรับมือภาวะ Sell Off ได้ดี: ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ดัชนี NIFTY
50 ต้องถือว่ามีผลตอบแทนโดยรวมที่ “Outperform” ดัชนี MSCI Emerging Market Index มาก (-8.35%
และ -17.63% ตามลำดับ)
รวมทั้งมีผลตอบแทนโดยรวมที่สูสีกับตลาดหุ้นจีน A-Share อีกด้วย
ดังนั้น ตลาดหุ้นอินเดียต้องถือว่ามีผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าตลาดหุ้นหลายตลาด ใน Emerging
Market และไม่ได้ปรับตัวลงแรงเลย
สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดที่ทนต่อภาวะ Sell off ได้ดี
2. ภาวะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ไม่ถดถอย:
หุ้นกลุ่มธนาคารของอินเดียมีผลตอบแทนที่ Outperform ตลาด
สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของอินเดียที่ยังแข็งแกร่ง Loan Growth ของอินเดียยังเติบโตต่อเนื่องจนสูงกว่าระดับ Pre Covid นอกจากนี้ World Bank ยังมองว่า GDP ของอินเดียในปี 2023 จะเติบโตกว่า 7% ซึ่งเรียกได้ว่าแทบสูงที่สุดในโลก และปัจจุบันทาง Bloomberg ยังคาดการณ์ว่าโอกาสในการเกิดภาวะ Recession ของอินเดียใน
1 ปีข้างหน้ายังอยู่ที่ 0% อีกด้วย
นับว่าเศรษฐกิจอินเดียมีความแข็งแกร่งมาก
3. เงินเฟ้อลง RBI อาจไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากแล้วในครึ่งหลังของปี หุ้น Mid-Small
ได้ประโยชน์: สาเหตุที่กองทุน TMBINDAE ปรับตัวลงมากกว่าดัชนี
NIFTY 50 มาจากการปรับตัวลงแรงของกลุ่ม Small Cap ซึ่งกองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 32.20% (Fund Fact
Sheet เดือน พ.ค.) โดยดัชนี NIFTY Small Cap 50 ปรับตัวลงประมาณ -27.45% ในช่วงครึ่งปีแรก
จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ RBI แต่ทั้งนี้
ราคาพลังงานและอาหารมีแนวโน้มปรับตัวลงตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
ซึ่งจะส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดียมีแนวโน้มขาดดุลดลลง
รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อในประเทศจะมีแนวโน้มลดลงอีกด้วย จนในที่สุด RBI จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเหมือนในช่วงไตรมาส
2 ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่ม Mid-Small และจะทำให้ผลตอบแทนของกองทุน TMBINDAE ฟื้นตัวกลับมา
4. ค่าเงินอินเดียรูปี (INR)
มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าได้: ตั้งแต่ต้นปี ค่าเงิน INR อ่อนค่าไปเกือบ 6% จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่ด้วยดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลลดลง
ประกอบกับทาง RBI มีแนวโน้มที่จะเข้าคุมความผันผวนของค่าเงิน
ซึ่งในที่สุดจะส่งผลให้ค่าเงิน INR มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่า
และดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนอีกครั้ง
·
Strategy: ทยอยสะสมกองทุน TMBINDAE
ในช่วงที่ดัชนี NIFTY 50 พึ่งกลับมาใกล้ระดับ 16,000
จุดนี้
Source: ttb Investment Strategist Team, Reuters,
CNBC, Bloomberg, Tradingview