external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

Checklist ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน พร้อมเทคนิควางแผนการเงินที่คู่รักต้องรู้!

23 ก.พ. 2566

สำหรับคู่รักคู่ไหนกำลังวางแผนเตรียมจัดงานแต่งงานอยู่ วันนี้เรามี Checklist ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำหรับจัดงานแต่งงาน พร้อมเทคนิควางแผนการเงินที่จะทำให้คู่รักไปถึงเป้าหมายงานแต่งในฝันได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้นมาฝากกัน

Checklist ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมจัดงานแต่งงาน

checklist ค่าใช้จ่าย ที่ต้องเตรียมจัดงานแต่งงาน


ค่าดูฤกษ์จัดงาน
เป็นความเชื่อที่ว่าหากได้แต่งงานในวันฤกษ์ดีก็จะช่วยเสริมให้คู่บ่าวสาวมีความรักที่ยั่งยืน มีความสุขตลอดชีวิตคู่ แต่ทั้งนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล คู่บ่าวสาวคู่ใดไม่ได้ซีเรียสเรื่องฤกษ์ยาม ก็สามารถจัดงานแต่งโดยยึดตามวันที่สะดวกได้เช่นกัน โดยค่าใช้จ่ายสำหรับดูฤกษ์แต่งงานจะเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป


ค่าขันหมากและสินสอด
ถือเป็นธรรมเนียมของคนไทยมาอย่างยาวนาน ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องมีขันหมากและสินสอดไปสู่ขอเจ้าสาว โดยขันหมากและสินสอดนั้นเป็นทรัพย์สินที่เปรียบเสมือนค่าตอบแทนในการสมรส ซึ่งทรัพย์สินนั้นอาจจะเป็นเงินสด ทอง บ้าน ที่ดิน ฯลฯ สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับตามที่บ่าวสาวได้ตกลงกับทางผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย


ค่าชุดแต่งงาน
สำหรับงานสำคัญที่จะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิตอย่างงานแต่งงาน คู่บ่าวสาวก็คงอยากได้ชุดที่ถูกใจ ใส่แล้วเฉิดฉายมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันชุดแต่งงานนั้นมีให้เลือกทั้งแบบเช่าและแบบตัดใหม่ ราคาก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์และวัสดุที่ใช้สำหรับทำชุด หากเลือกแบบเช่า ราคาก็จะต่ำกว่าแบบสั่งตัดใหม่ โดยจะอยู่ที่ประมาณหลักพันถึงหลักหมื่น แต่หากเลือกแบบสั่งตัดใหม่ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก และบางครั้งราคาอาจจะสูงกว่าแบบเช่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว


ค่าแต่งหน้าทำผม
นอกจากชุดแต่งงานที่ต้องพิถีพิถันในการเลือกแล้ว เรื่องหน้า-ผมของบ่าวสาวก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน สำหรับค่าจ้างช่างแต่งหน้านั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของช่างแต่งหน้าแต่ละท่าน ท่านใดมีประสบการณ์แต่งหน้าบ่าวสาวมาอย่างโชกโชน ราคาก็จะสูงหน่อย โดยเรทค่าจ้างก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น


ค่าสถานที่จัดงาน
การเลือกสถานที่จัดงานแต่งควรเลือกให้สอดคล้องกับจำนวนแขกที่คาดว่าจะมาร่วมงาน เพื่อให้สามารถรองรับแขกได้พอดี ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เช่น หอประชุม สโมสร และโรงแรม ทั้งนี้ราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยค่าเช่าสถานที่ก็จะเริ่มตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน หรือหากบ่าวสาวคู่ใดสะดวกใช้บ้านเป็นสถานที่จัดงานแต่งก็ได้เช่นกัน เพราะตอนนี้กระแสจัดงานแต่งแบบส่วนตัวกำลังมาแรง โดยอาจจะเชิญเฉพาะแขกที่สนิทมาร่วมงาน ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่จัดงานไปได้


ค่าอาหารและเครื่องดื่มในงาน
ว่าด้วยเรื่องการสร้างความประทับใจให้แขกที่มาร่วมงาน นอกจากสถานที่จัดงานและของชำร่วยแล้ว อาหารและเครื่องดื่มที่ดีมีคุณภาพก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่คู่บ่าวสาวต้องตั้งใจคัดสรรเช่นเดียวกัน สำหรับอาหารในงานแต่ง แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ โต๊ะจีน และค็อกเทล โดยโต๊ะจีนมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 บาทต่อโต๊ะ ไปจนถึงหลักหมื่น ส่วนค็อกเทลราคาเริ่มต้นมีตั้งแต่ 500 บาทต่อหัว ไปจนถึงหลักพันกลาง ๆ ขึ้นอยู่กับเมนูอาหารและวัตถุดิบที่เลือกใช้ประกอบอาหาร


ค่าการ์ดเชิญ
ค่าการ์ดเชิญสำหรับงานแต่งขึ้นอยู่กับแบบและเนื้อกระดาษที่บ่าวสาวเลือกใช้ ปกติแล้วราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป โดยทางร้านอาจบวกค่าบริการออกแบบด้วยในกรณีที่เราไม่ได้มีแบบมาให้ ทั้งนี้ราคาต่อหน่วยจะขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่งพิมพ์ด้วย ยิ่งสั่งพิมพ์จำนวนมาก ราคาต่อหน่วยก็จะยิ่งถูกลง


ค่าของชำร่วย
เมื่อเชิญแขกมาร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งงานของเรา เราคงต้องเตรียมของชำร่วยให้แขกติดไม้ติดมือเป็นที่ระลึก กลับบ้านกันไปเสียหน่อย สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้สามารถคุมงบประมาณได้ตามขนาดของงาน และจำนวนแขกที่คาดว่าจะเข้าร่วมงาน โดยราคาอาจจะอยู่ที่หลักสิบกลาง ๆ ไปจนถึงหลักร้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่บ่าวสาว


ค่าช่างถ่ายภาพและวีดีโอ
แต่งงานทั้งทีแน่นอนว่าคู่บ่าวสาวก็คงต้องอยากเก็บภาพความประทับใจภายในงานไว้ดูในอนาคต รวมถึงภาพถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วย สำหรับค่าจ้างช่างถ่ายภาพและวีดีโอนั้นมีหลายเรท ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของช่างภาพเช่นเดียวกับช่างแต่งหน้าทำผม โดยค่าจ้างมีตั้งแต่หลักพันกลาง ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น


ค่าออแกไนเซอร์จัดงาน
คู่บ่าวสาวคู่ไหนไม่อยากเตรียมงานเองให้ยุ่งยาก หาช่างภาพ ช่างแต่งหน้าให้วุ่นวาย สามารถจ้างออแกไนเซอร์เพื่อช่วยจัดเตรียมงานแต่งให้เราได้เช่นกัน โดยออแกไนเซอร์บางเจ้าอาจมีบริการแบบเป็นแพ็คเกจ รวมครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ค่าช่างถ่ายภาพ ค่าตกแต่งสถานที่ ค่าแต่งหน้าคู่บ่าวสาว ค่าบริการก็เริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เช่น ค่าพิธีกร ค่านักร้อง ค่าแหวนแต่งงาน ค่าอุปกรณ์เครื่องเสียง เป็นต้น คู่รักควรตั้งงบประมาณรวมสำหรับงานแต่งก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และหลังจากนั้นค่อยมาแบ่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทอีกที หากแบ่งแล้วเกินงบ อาจจะตัดค่าใช้จ่ายบางประเภทที่ไม่จำเป็นออก เพื่อเป็นการประหยัดและคุมให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในงบประมาณที่เราตั้งไว้

ซึ่งนอกจากที่คู่รักจะต้องเตรียมวางแผนเก็บเงินสำหรับจัดงานแต่งงานแล้ว ต้องอย่าลืมคิดเผื่อไปถึงการเตรียมวางแผนการเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังแต่งงานด้วย เช่น

  • ค่าทริปฮันนีมูน: การไปฮันนีมูนทำให้คู่รักได้ใช้เวลาร่วมกัน สร้างความทรงจำดี ๆ และความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้น แต่แน่นอนว่าการไปฮันนีมูนก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะไป โดยคู่รักอาจจะเลือกเดินทางใกล้ ๆ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
  • ค่าเรือนหอและค่าตกแต่ง: เรือนหอมีความสำคัญเพราะเป็นสถานที่สำหรับสร้างครอบครัวของคู่รัก บางคู่อาจจะแต่งงานแบบเข้าบ้านกงสี จึงไม่ต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แต่เชื่อว่ามีอีกหลายคู่แน่นอนที่อยากแยกออกมาอยู่เอง ดังนั้นคู่รักจึงต้องวางแผนสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ด้วย
  • ค่าดูแลลูก: สำหรับคู่รักที่วางแผนจะมีลูก ต้องเตรียมวางแผนการเงินให้ดี เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการมีลูกหนึ่งคนนั้นไม่ใช่น้อย ๆ และแน่นอนว่าในฐานะที่เป็นพ่อแม่ เราก็อยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา คุณภาพชีวิต อาหารการกิน ฯลฯ

สำหรับคู่รักที่กำลังวางแผนเก็บเงินสร้างครอบครัวอยู่ วันนี้เรามีเทคนิคการวางแผนการเงินมาฝากกัน โดยเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้การวางแผนการเงินของคู่รักทำได้ง่ายและไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย


วางแผนเก็บเงินจัดงานแต่งในฝัน ผ่าน ttb smart port

วิธีการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการวางแผนเก็บเงินจัดงานแต่งในฝัน รวมถึงการวางแผนการเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดในอนาคตหลังแต่งงาน ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพราะเป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน โดยไม่จับจังหวะตลาด ไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาของสินทรัพย์ที่เข้าซื้อ แถมยังช่วยสร้างวินัยในการลงทุนได้อีกด้วย

โดยเราจะพาไปดูตัวอย่างการเก็บเงินเพื่อจัดงานแต่งในฝัน ผ่านกองทุนเปิด “ttb smart port” เครื่องมือที่จะช่วยทำให้คุณมีโอกาสไปถึงเป้าหมายงานแต่งในฝันได้เร็วขึ้น เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลกอย่าง Amundi และ Eastspring คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ปรับสัดส่วนการลงทุนให้โดยอัตโนมัติทุกเดือนเพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในทุกสภาวะตลาด เลือกความสบายใจได้จากกองทุนทั้ง 5 รูปแบบ ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการเงินของคุณ ซึ่งในที่นี้จะขอยกตัวอย่างมา 3 รูปแบบ ตามระดับความเสี่ยงต่ำ กลาง และสูง ได้แก่ ttb smart port 1 - preserver, ttb smart port 3 - balancer และ ttb smart port 5 - gogetter โดยตั้งงบที่ต้องใช้สำหรับงานแต่งในฝันไว้ที่ 300,000 บาท และมีระยะเวลาลงทุน 3 ปี มาดูกันว่าแต่ละรูปแบบจะมีแผนการลงทุนอย่างไรบ้าง


ttb smart port 1 - preserver

โมเดลกองทุนที่เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ เน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสผลตอบแทนที่ดีและรักษาเงินต้น

วางแผนเก็บเงินจัดงานแต่งในฝัน ผ่าน ttb smart port


ttb smart port 3 - balancer

โมเดลกองทุนที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและมีเป้าหมายให้เงินทำงานแทนในระยะยาว

วางแผนเก็บเงินจัดงานแต่งในฝัน ผ่าน ttb smart port


ttb smart port 5 - gogetter

โมเดลกองทุนที่เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความผันผวนได้สูงและต้องการสร้างโอกาสทำกำไรจากหุ้นทั่วโลก

วางแผนเก็บเงินจัดงานแต่งในฝัน ผ่าน ttb smart port

และนี่ก็เป็นตัวอย่างการวางแผนเก็บเงินเพื่อจัดงานแต่งในฝัน ผ่าน ttb smart port ทั้ง 3 รูปแบบ ที่เรานำมาฝากกัน โดยเมื่อเรากรอกข้อมูลต่าง ๆ ลงไป เครื่องมือของ ttb smart port ก็จะคำนวณมาให้เราเสร็จสรรพเลยว่าโอกาสในการรับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นได้จากการลงทุนจะเป็นเท่าไร แถมมีแผนการลงทุนมาให้เลือกหลายแบบ ไม่ต้องเสียเวลาไปคำนวณเองให้ยุ่งยาก โดยคุณสามารถปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับแผนการจัดงานแต่งงานของตัวเองได้เลย หรือจะลองมองแผนระยะยาวสำหรับการวางแผนมีลูกเลยก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ควรเลือกลงทุนในรูปแบบและแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง เพื่อให้เป้าหมายงานแต่งในฝันของเราสำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้ ผู้ที่อยากลองสร้างแผน DCA สำหรับเก็บเงินเพื่อจัดงานแต่งในฝันของตัวเอง สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่ https://www.ttbbank.com/tsp/lite-cal


ขั้นตอนการตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch

การตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch


เงื่อนไขของรายการส่งเสริมการขาย

โปรโมชันพิเศษ! เพิ่มโอกาสมั่งคั่ง ด้วย DCA กับกองทุน ttb smart port

รับหน่วยลงทุนพิเศษเพิ่มอีก 0.2% ของเงินลงทุนแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือนในกองทุน ttb smart port เมื่อลงทุนขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาท ขึ้นไป ติดต่อกัน 12 เดือน โดยเริ่มตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 29 ธันวาคม 2566

  1. รายการส่งเสริมการขายแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน (DCA) พิจารณาจากเงินลงทุนครั้งแรก ที่เกิดจากการตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน โดยยอดเงินลงทุนครั้งแรกต้องเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 29 ธันวาคม 2566 และต้องเป็นการลงทุนต่อเนื่องทุกเดือนจำนวน 12 เดือน นับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก โดยต้องลงทุนในกองทุน ttb smart port ซึ่งประกอบด้วยกองทุน 1) tsp1-preserver 2) tsp2-nurturer 3) tsp3-balancer 4) tsp4-explorer 5) tsp5-gogetter
  2. รายการส่งเสริมการขายตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือนต้องมีการตั้งแผนการลงทุน (โดยไม่รวมการซื้อเป็นครั้งๆ) และลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อเดือนในกองทุนเดียวกันกับชุดกองทุนใน ttb smart port ทั้งนี้จะคำนวณตามเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุน (CIS) และคำนวณเป็นรายกองทุน โดยนับเฉพาะยอดซื้อในกองทุน ttb smart port ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน
  3. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด จะสรุปยอดเงินลงทุนที่เข้าเงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน และจ่ายหน่วยลงทุนของกองทุน ttb smart port ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนถืออยู่ ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ได้รับสิทธิตามรายการส่งเสริมการขายดังกล่าว เมื่อลงทุนครบจำนวน 12 เดือน ตามเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุน (CIS) โดยจะเริ่มดำเนินการจ่าย 4 รอบ ได้แก่
    รอบที่ 1 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์- มีนาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567
    รอบที่ 2 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนเมษายน- มิถุนายน 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 31 สิงหาคม 2567
    รอบที่ 3 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนกรกฎาคม- กันยายน 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
    รอบที่ 4 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนตุลาคม- ธันวาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
    (หากวันที่ทำการจ่ายหน่วยลงทุนตรงกับ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดราชการ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะดำเนินการจ่ายในวันทำการถัดไป)
  4. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข วันทำรายการโอนหน่วยลงทุนพิเศษเพื่อซื้อกองทุนเพิ่ม และกำหนดระยะเวลาดำเนินการ โดยมิต้องจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือธนาคาร และคำตัดสินของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ว่ากรณี ใดๆ ให้ถือเป็นที่สุด
  5. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์ หากผู้ลงทุนได้รับโปรโมชันจากรายการส่งเสริมการขายนี้ ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิในการพิจารณารายการส่งเสริมการขายอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
  6. โปรโมชันที่ได้รับนับรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีอื่นใดในทำนองเดียวกัน (ถ้ามี) ซึ่งผู้ได้รับสิทธิ์เป็นผู้รับผิดชอบในภาษีที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยผู้ได้รับสิทธิ์ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด


คำเตือน:

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงอาจทำให้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือ น้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • สนใจลงทุน ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวน ได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร. 1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09:00 – 17:30 น. ยกเว้น วันหยุดธนาคาร

ระยะเวลาโปรโมชัน 1 ก.พ. 66 - 30 ธ.ค. 66