external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

มือใหม่ลงทุนอะไรดี? เฉลยคำถามยอดฮิตสำหรับนักลงทุนมือใหม่ พร้อมเทคนิคลงทุนอย่างไรให้ชนะตลาด

5 ก.ค. 2566

“ลงทุนอะไรดี?” นี่คงเป็นคำถามที่นักลงทุนมือใหม่ส่วนใหญ่สงสัยกันก่อนที่จะเริ่มลงทุน เพราะในปัจจุบันมีสินทรัพย์ลงทุนให้เลือกลงทุนมากมายหลายประเภท แถมแต่ละประเภทก็มีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

วันนี้เราจึงขอมาเฉลยคำถามยอดฮิตที่นักลงทุนมือใหม่มักสงสัยก่อนเริ่มลงทุน พร้อมนำเทคนิคลงทุนอย่างไรให้พิชิตได้ทุกสถานการณ์ตลาดมาฝากกันด้วย


เฉลยคำถามยอดฮิตที่นักลงทุนมือใหม่สงสัยก่อนเริ่มลงทุน

เฉลยคำถามยอดฮิตที่นักลงทุนมือใหม่สงสัยก่อนเริ่มลงทุน


1. ลงทุนอะไรดี?

เชื่อว่านักลงทุนมือใหม่ส่วนใหญ่จะต้องเคยถามตัวเองกันแน่ ๆ ว่า “เราควรลงทุนอะไรดี?” อย่างที่ทราบกันดีว่าสินทรัพย์ลงทุนนั้นมีมากมายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ แต่ละประเภทก็มีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่าเราลงทุนไปเพื่ออะไร มีเป้าหมายอะไร ถ้าตอบได้แล้วก็จะสามารถวางแผนได้ว่าเราควรลงทุนสินทรัพย์อะไรในสัดส่วนเท่าไร เพื่อให้สามารถไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้สำเร็จ


2. ลงทุนเมื่อไรดี?

“เราควรเริ่มลงทุนเมื่อไรดี” คงเป็นคำถามที่นักลงทุนมือใหม่หลาย ๆ คนสงสัยไม่น้อยไปกว่าคำถามที่ว่าเราควรลงทุนอะไรดี สำหรับคำตอบของคำถามดังกล่าวคือ “เวลาที่ดีที่สุดในการลงทุน เริ่มวันนี้ดีที่สุด” เพราะยิ่งเริ่มลงทุนเร็ว ก็ยิ่งได้เปรียบจากพลังของผลตอบแทนทบต้น แถมยังมีเวลาคิดทบทวนแผนการลงทุนระหว่างทางได้ หากผิดพลาดตรงไหนจะได้ปรับแก้ได้ทันท่วงที


3. ลงทุนเท่าไรดี?

สำหรับคำตอบของคำถามข้อนี้ ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่คำถามข้อ 1 ว่าเราควรตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเป้าหมายการลงทุนของเราคืออะไร เพราะหากรู้แล้วก็จะสามารถวางแผนจัดสรรเงินลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเริ่มแรกอาจจะเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มากก่อน แล้วทยอยเพิ่มเงินลงทุนไปเรื่อย ๆ หากมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ควรเป็นจำนวนเงินที่ลงทุนแล้วสบายใจ ไม่เป็นการเบียดเบียนตัวเองมากเกินไปจนทำให้การใช้ชีวิตติดขัด


4. ลงทุนที่ไหนดี?

ปัจจุบันมีบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เปิดให้บริการมากมาย แต่เราควรเลือกลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินลงทุนของเราอยู่กับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย มีระบบการซื้อขายที่มั่นคง

เฉลยคำถามยอดฮิตที่นักลงทุนมือใหม่สงสัยก่อนเริ่มลงทุน


5. ลงทุนระยะสั้น กลาง และยาว คืออะไร แบบไหนเหมาะกับเรา?

การลงทุนระยะสั้น คือการลงทุนในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ส่วนการลงทุนระยะกลาง คือการลงทุนในระยะเวลาระหว่าง 1-5 ปี และการลงทุนระยะยาว คือการลงทุนในระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

หากมีเป้าหมายระยะสั้นอาจจะลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินหรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีสภาพคล่องสูง ส่วนระยะกลางอาจจะลงทุนในกองทุนผสมที่มีนโยบายกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท และสุดท้ายระยะยาวอาจจะลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีอย่าง SSF หรือ RMF เนื่องจากมีเงื่อนไขการถือครองอย่างน้อย 10 ปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวแล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย


6. ปันผล vs ไม่ปันผล แบบไหนดีกว่ากัน?

หากถามว่าเลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่จ่ายเงินปันผลแบบไหนดีกว่ากัน ก็คงต้องย้อนกลับมาดูวัตถุประสงค์ในการลงทุนของเราก่อน ถ้าลงทุนเพื่อต้องการกระแสเงินสดกลับมาอย่างสม่ำเสมอ การเลือกหุ้นหรือกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลจะเหมาะกับคุณมากกว่า แต่ถ้าลงทุนเพื่อต้องการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนในอนาคตจากส่วนต่างของราคา การเลือกหุ้นหรือกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลจะเหมาะกับคุณมากกว่า


7. ลงทุนแบบ Passive หรือ Active ดีกว่ากัน?

การลงทุนเชิงรับ (Passive Investment) เป็นการลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับตลาด ส่วนการลงทุนเชิงรุก (Active Investment) เป็นการลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าตลาด

ซึ่งหากถามว่าระหว่างการลงทุนแบบ Passive กับ Active อะไรดีกว่ากัน ก็คงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละท่านยอมรับได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงจะจึงเหมาะกับการลงทุนแบบ Active เพราะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าหรือน้อยกว่าตลาด แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างน้อย อาจเหมาะกับการลงทุนแบบ Passive มากกว่า


8. เอาชนะตลาดผันผวนด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบไหนดี?

กลยุทธ์การลงทุนนั้นมีให้เราเลือกใช้มากมายหลายวิธี แต่หากพูดถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับความนิยมแล้วก็คงหนีไม่พ้น 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่

  • การลงทุนแบบ Lumpsum คือการลงทุนด้วยเงินก้อนครั้งเดียวโดยการจับจังหวะตลาด (Market Timing) และเข้าลงทุนในช่วงเวลานั้น จึงมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีหากเข้าซื้อถูกจังหวะ แต่หากจับจังหวะไม่ถูกอาจขาดทุนอย่างมหาศาลเช่นกัน ดังนั้นการลงทุนแบบ Lumpsum จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการลงทุน
  • การลงทุนแบบ DCA คือการลงทุนถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันในแต่ละงวดโดยไม่จับจังหวะตลาด ไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์ที่ลงทุนจะเป็นเท่าใด เน้นความสม่ำเสมอในการลงทุนเป็นหลัก


กลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน แต่การลงทุนแบบ DCA จะช่วยให้เราเอาชนะตลาดผันผวนได้อย่างไร? ลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันเลย


พิชิตทุกสถานการณ์ตลาดด้วยการลงทุนแบบ DCA

ในช่วงที่สภาวะตลาดผันผวน นักลงทุนหลาย ๆ คน โดยเฉพาะมือใหม่คงเกิดความกังวลใจในการลงทุนและเกิดคำถามขึ้นมาว่าจะมีกลยุทธ์การลงทุนอะไรบ้างรึเปล่าที่จะช่วยให้พอร์ตของเราเอาชนะตลาดได้?

วันนี้เราขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับเทคนิคการลงทุนที่จะช่วยให้เราพิชิตได้ทุกสถานการณ์ตลาด นั่นคือการลงทุนแบบ “DCA” โดย DCA เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน โดยมีหัวใจสำคัญคือความสม่ำเสมอในการลงทุน ไม่จับจังหวะตลาด ไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาของสินทรัพย์ที่เข้าซื้อลงทุน แถมยังช่วยสร้างวินัยในการลงทุนได้อีกด้วย

อย่างที่ทราบกันดีว่าการลงทุนกับความผันผวนเป็นของคู่กัน เมื่อลงทุนแล้วก็คงต้องเจอช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การมีระยะเวลาลงทุนที่มากพอนั้น จะทำให้เงินลงทุนของเราเติบโตได้ดีในระยะยาว ดังนั้น DCA จึงมี “ความสม่ำเสมอ” และ “ระยะเวลา” เป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยเราได้สรุปข้อดีของ DCA แบบเน้น ๆ มา 5 ข้อ ดังนี้

พิชิตทุกสถานการณ์ตลาดด้วยการลงทุนแบบ DCA

  1. ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เนื่องจาก DCA เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุน
  2. ตัดอารมณ์ส่วนตัวออกจากการลงทุน เพราะ DCA เป็นการลงทุนที่ไม่ได้จับจังหวะตลาด
  3. สร้างวินัยในการลงทุน เพราะ DCA เป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทุกเดือน
  4. ใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก สามารถจัดสรรและกำหนดเงินลงทุนได้เองในแต่ละเดือน
  5. เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกประเภทที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

ซึ่งการลงทุนแบบ DCA สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่าน “ttb smart port” กองทุนรวมที่ตอบโจทย์นักลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่อย่างเรา ๆ เนื่องจากเป็นตัวช่วยบริหารความเสี่ยงได้อย่างดี เพราะมีกองทุนให้เลือกลงทุนถึง 5 รูปแบบ ตามเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการเงิน ปรับสัดส่วนการลงทุนให้โดยอัตโนมัติทุกเดือน แถมมีมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลกอย่าง Amundi และ Eastspring ช่วยบริหารจัดการเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยกองทุนทั้ง 5 รูปแบบของ ttb smart port มีรายละเอียด ดังนี้

พิชิตทุกสถานการณ์ตลาดด้วยการลงทุนแบบ DCA


1. ttb smart port 1 - preserver
โมเดลกองทุนรวมที่เน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวที่มากกว่าเงินฝาก แบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศ 30% และตราสารหนี้ในประเทศ 70% เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการควบคุมความเสี่ยงเป็นหลัก


2. ttb smart port 2 - nurtuner
โมเดลกองทุนรวมที่เหมาะกับคนที่สามารถรับความผันผวนได้ค่อนข้างน้อยและต้องการลงทุนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ แบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ในประเทศ 35%, ตราสารหนี้ต่างประเทศ 45% และหุ้นต่างประเทศ 20%


3. ttb smart port 3 - balancer
โมเดลกองทุนรวมที่เน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อรักษาสมดุลพอร์ตการลงทุน แบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ในประเทศ 15%, ตราสารหนี้ต่างประเทศ 35%, หุ้นในประเทศ 10% และหุ้นต่างประเทศ 40% เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายด้วยระดับความเสี่ยงสายกลาง ไม่เสี่ยงมากหรือน้อยไป และมีเป้าหมายให้เงินทำงานแทนในระยะยาว


4. ttb smart port 4 - explorer
โมเดลกองทุนรวมที่เน้นลงทุนเพื่อเป้าหมายให้เงินเติบโต และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ในประเทศ 10%, ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%, หุ้นในประเทศ 15% และหุ้นต่างประเทศ 55% เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความผันผวนได้ค่อนข้างสูง


5. ttb smart port 5 - gogetter
โมเดลกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นหุ้นต่างประเทศ 80% และหุ้นในประเทศ 20% เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความผันผวนได้สูงและต้องการสร้างโอกาสทำกำไรจากหุ้นทั่วโลก


ทำไม ttb smart port จึงตอบโจทย์นักลงทุนมือใหม่?

ทำไม ttb smart port จึงตอบโจทย์นักลงทุนมือใหม่?

  • เลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงในระดับที่คุณสบายใจผ่านกองทุนรวมทั้ง 5 รูปแบบ
  • บริหารพอร์ตการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Amundi และ Eastspring
  • ปรับสัดส่วนการลงทุนให้อัตโนมัติตามสภาวะตลาดสำคัญเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
  • ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เริ่มต้นแค่ 1 บาทก็ลงทุนได้
  • ลงทุนง่ายผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch ตั้งแต่เปิดพอร์ตการลงทุน ซื้อ ขาย สับเปลี่ยน และติดตามผลการดำเนินงาน ครบจบในแอปฯ เดียว


เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทคนิคพิชิตทุกสถานการณ์ตลาดที่เราได้นำมาฝากกัน สำหรับนักลงทุนมือใหม่แนะนำให้ลองตั้งเป้าหมายทางการเงินของตัวเองก่อน เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นและสามารถวางแผนต่อไปได้ว่าเราควรลงทุนในสินทรัพย์อะไรในสัดส่วนเท่าไรจึงจะเหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ ซึ่งแม้เราจะเป็นมือใหม่ในโลกการลงทุน แต่หากมีเครื่องมือดี ๆ อย่าง ttb smart port มาช่วยเราแล้ว การวางแผนการเงินก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองสร้างแผนการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม ttb smart port ทั้ง 5 รูปแบบ สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่ https://www.ttbbank.com/tsp/lite-cal

ซึ่งวันนี้เรามีโปรโมชันสุดพิเศษมามอบให้ลูกค้าที่ลงทุนแบบ DCA กับกองทุนรวม ttb smart port ด้วย โดยลูกค้าที่ลงทุน DCA ขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาท ขึ้นไป ติดต่อกัน 12 เดือน จะได้รับหน่วยลงทุนพิเศษเพิ่มอีก 0.2% ของเงินลงทุนแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือนในกองทุน ttb smart port โดยต้องเริ่มตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 - 29 ธันวาคม 2566 เท่านั้น ศึกษาขั้นตอนการเปิดพอร์ตการลงทุนผ่านแอป ttb touch ได้ที่ https://www.ttbbank.com/archive/howto/app/open-inv-port.php

ลงทุนง่ายๆ ด้วย แอป ttb touch ได้ที่ www.ttbbank.com/ttbtouch/tsp


ขั้นตอนการตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch

การตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch


เงื่อนไขของรายการส่งเสริมการขาย

  1. รายการส่งเสริมการขายแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน (DCA) พิจารณาจากเงินลงทุนครั้งแรก ที่เกิดจากการตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน โดยยอดเงินลงทุนครั้งแรกต้องเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 - วันที่ 29 ธันวาคม 2566 และต้องเป็นการลงทุนต่อเนื่องทุกเดือนจำนวน 12 เดือน นับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก โดยต้องลงทุนในกองทุน ttb smart port ซึ่งประกอบด้วยกองทุน 1) tsp1-preserver 2) tsp2-nurturer 3) tsp3-balancer 4) tsp4-explorer 5) tsp5-gogetter
  2. รายการส่งเสริมการขายตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือนต้องมีการตั้งแผนการลงทุน (โดยไม่รวมการซื้อเป็นครั้งๆ) และลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อเดือนในกองทุนเดียวกันของชุดกองทุนใน ttb smart port ทั้งนี้จะคำนวณตามเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุน (CIS) และคำนวณเป็นรายกองทุน โดยนับเฉพาะยอดซื้อในกองทุน ttb smart port ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน
  3. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด จะสรุปยอดเงินลงทุนที่เข้าเงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน และจ่ายหน่วยลงทุนของกองทุน ttb smart port ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนถืออยู่ ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ได้รับสิทธิตามรายการส่งเสริมการขายดังกล่าว เมื่อลงทุนครบจำนวน 12 เดือน ตามเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุน (CIS) โดยจะเริ่มดำเนินการจ่าย 4 รอบ ได้แก่
    รอบที่ 1 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 - มีนาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567
    รอบที่ 2 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนเมษายน 2566 - มิถุนายน 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 31 สิงหาคม 2567
    รอบที่ 3 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนกรกฎาคม 2566 - กันยายน 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
    รอบที่ 4 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนตุลาคม 2566 - ธันวาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
    (หากวันที่ทำการจ่ายหน่วยลงทุนตรงกับ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดราชการ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะดำเนินการจ่ายในวันทำการถัดไป)
  4. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข วันทำรายการโอนหน่วยลงทุนพิเศษเพื่อซื้อกองทุนเพิ่ม และกำหนดระยะเวลาดำเนินการ โดยจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคาร คำตัดสินของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ว่ากรณี ใดๆ ให้ถือเป็นที่สุด
  5. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์ หากผู้ลงทุนได้รับโปรโมชันจากรายการส่งเสริมการขายนี้ ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิในการพิจารณารายการส่งเสริมการขายอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
  6. กรณีมีภาระภาษีเกิดขึ้นจากโปรโมชันที่ผู้ลงทุนได้รับ ผู้ลงทุนต้องเป็นผู้รับผิดชอบในภาษีที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด


คำเตือน:

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน จึงอาจทำให้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือ น้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • สนใจลงทุน ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวน ได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร. 1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09:00 – 17:30 น. ยกเว้น วันหยุดธนาคาร

ระยะเวลาโปรโมชัน 1 ก.พ. 66 - 29 ธ.ค. 66