external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

Fit or Sick?ชวนเช็กสุขภาพการเงิน พร้อมเคล็ดไม่ลับต่อยอดเงินออมในกองทุนรวม ด้วย DCA

6 มิ.ย. 2566

เผลอแป๊บเดียวก็เข้าสู่ช่วงกลางปี 2566 แล้ว สำหรับช่วงกลางปีแบบนี้ เราขอชวนทุกคนมาตรวจสอบสุขภาพทางการเงินกันว่าผ่านมาแล้วครึ่งปี สุขภาพทางการเงินของเราเป็นอย่างไรกันบ้าง ยังโอเคกันอยู่หรือไม่? พร้อมนำเครื่องมือที่จะทำให้การวางแผนการเงินง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนแบบ DCA ในกองทุนรวม มาแนะนำให้ทุกคนทราบ


4 ขั้นตอนตรวจสอบสุขภาพทางการเงิน

การตรวจสอบสุขภาพทางการเงิน (Financial Health Check) สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยการตรวจสอบผ่านตัวเลข 4 แบบ ได้แก่ รายได้, สภาพคล่อง, ภาระหนี้ และเงินออม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

4 ขั้นตอนตรวจสอบสุขภาพทางการเงิน


รายได้

เราสามารถตรวจสอบได้ว่ารายได้ของเราตอนนี้เพียงพอต่อการอยู่รอดหรือไม่ด้วย “อัตราส่วนการอยู่รอด” (Survival Ratio) เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถในการอยู่รอดจากรายได้ปัจจุบัน โดยมีสูตรคำนวณดังนี้

อัตราส่วนการอยู่รอด (Survival Ratio) = รายได้ต่อเดือน / รายจ่ายต่อเดือน

หากผลลัพธ์มีค่ามากกว่า 1 แสดงว่ารายได้ตอนนี้ทำให้คุณอยู่รอดได้ และยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการเงินของคุณ เพราะรายได้มากกว่ารายจ่าย แต่หากผลลัพธ์มีค่าน้อยกว่า 1 แสดงว่ารายได้น้อยกว่ารายจ่าย และจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทางการเงินของคุณ

ตัวอย่างเช่น นาย A มีรายได้ต่อเดือนเท่ากับ 30,000 บาท โดยมีรายจ่ายต่อเดือนเท่ากับ 15,000 บาท ดังนั้นอัตราส่วนการอยู่รอด (Survival Ratio) ของนาย A จะเท่ากับ 30,000 / 15,000 = 2 แสดงว่ารายได้ของนาย A ตอนนี้ยังทำให้นาย A อยู่รอดได้และมีสุขภาพทางการเงินที่ดีอยู่


สภาพคล่อง

เราสามารถตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงินได้จาก “เงินออมฉุกเฉิน” คือเงินก้อนแรกที่ทุกคนควรมี โดยเป็นเงินที่มีสภาพคล่องสูง สามารถถอนออกมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เช่น ช่วงที่ว่างงานขาดรายได้ ช่วงที่เกิดเจ็บป่วยกะทันหัน และช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย เป็นต้น ทั้งนี้เงินออมฉุกเฉินที่ควรมีจะอยู่ที่ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยมีสูตรคำนวณดังนี้

เงินออมฉุกเฉิน = ค่าใช้จ่ายต่อเดือน x 6

ตัวอย่างเช่น นาย A มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่ากับ 20,000 บาท ดังนั้น เงินออมฉุกเฉินที่นาย A ต้องมีจะเท่ากับ 20,000 x 6 = 120,000 บาท ซึ่งหากนาย A มีเงินออมฉุกเฉินน้อยกว่าจำนวนดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพการเงินของนาย A ได้

4 ขั้นตอนตรวจสอบสุขภาพทางการเงิน


ภาระหนี้

เราสามารถตรวจสุขภาพทางการเงินในส่วนของภาระหนี้ได้จาก “อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้” (Debt Service Ratio: DSR) เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถในการชำระหนี้สินที่กู้ยืมมา โดยมีสูตรคำนวณดังนี้

อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) = (ภาระหนี้ต่อเดือน / รายได้รวมต่อเดือน) x 100

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทยได้กำหนดให้ภาระผ่อนชำระหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน ดังนั้นหากคำนวณอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้แล้วผลลัพธ์ออกมามากกว่า 40% ภาระหนี้นั้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการเงิน

ตัวอย่างเช่น นาย A มีรายได้รวมต่อเดือนเท่ากับ 30,000 บาท และมีภาระหนี้ต่อเดือนเท่ากับ 10,000 บาท ดังนั้น อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) ของนาย A จะเป็น (10,000/30,000) x 100 = 30% แสดงว่าภาระหนี้ต่อรายได้ของนาย A ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการเงิน


เงินออม

เราสามารถตรวจสอบสุขภาพทางการเงินในส่วนของเงินออมได้จาก “อัตราส่วนการออม” (Savings Ratio) เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถในการออมจากรายได้ โดยมีสูตรคำนวณดังนี้

อัตราส่วนการออม (Savings Ratio) = (เงินออมต่อเดือน/รายได้ต่อเดือน) x 100

ทั้งนี้ อัตราส่วนการออมควรมีค่ามากกว่า 10% ซึ่งหมายความว่ามีการบริหารจัดการเงินออมได้ดี โดยรายได้ที่นำมาคำนวณควรเป็นรายได้หลังจากหักภาษีแล้ว

ตัวอย่างเช่น นาย A มีรายได้ต่อเดือนเท่ากับ 30,000 บาท และออมเงินเดือนละ 6,000 บาท ดังนั้นอัตราส่วนการออม (Savings Ratio) ของนาย A จะเป็น (6,000/30,000) x 100 = 20% แสดงว่านาย A มีการบริหารจัดการเงินออมได้ดี

ใครที่ตรวจสุขภาพทางการเงินแล้วพบปัญหาในส่วนไหนก็รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะสายเกินไป ส่วนใครที่ตรวจสอบครบทั้ง 4 ข้อแล้วผลออกมาว่ายังมีสุขภาพทางการเงินที่ดีอยู่ วันนี้เราก็มีทริคต่อยอดเงินออมให้เติบโตมาฝากอีกเช่นเคย


ต่อยอดเงินออมให้เติบโตด้วยการลงทุนกองทุนรวม แบบ DCA

อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารค่อนข้างต่ำ ทั้งบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และบัญชีเงินฝากประจำ การออมเงินเพียงอย่างเดียว อาจไม่ทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ ดังนั้นใครที่ตรวจสุขภาพทางการเงินแล้วผลออกมาว่ายังมีสุขภาพดีอยู่ แนะนำให้แบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนด้วย เพราะการลงทุนจะช่วยต่อยอดให้เงินของเราเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

การลงทุนสามารถทำได้ผ่านสินทรัพย์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ฯลฯ โดยสินทรัพย์แต่ละประเภทก็มีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ซึ่งวันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม

วิธีการลงทุนแบบ DCA เป็นอีกหนึ่งทางเลือกต่อยอดให้เงินเติบโต แถมยังสร้างวินัยในการออมเงินได้อีกด้วย เพราะเป็นการลงทุนถัวเฉลี่ยในทุกเดือน โดยมีหัวใจสำคัญคือความสม่ำเสมอในการลงทุน ซึ่งการลงทุนแบบ DCA สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านกองทุนรวม “ttb smart port” เครื่องมือที่จะช่วยทำให้การวางแผนการเงินของคุณเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลกอย่าง Amundi และ Eastspring คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ปรับสัดส่วนการลงทุนให้โดยอัตโนมัติ เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี เลือกความสบายใจได้จากกองทุนรวมทั้ง 5 รูปแบบ ตามเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการเงินของคุณ

สำหรับตัวอย่างในบทความนี้ จะเป็นการนำเงินเดือนละ 5,000 บาท มาต่อยอดให้เงินเติบโต ด้วยการลงทุนใน ttb smart port 3 รูปแบบ ตามระดับความเสี่ยงต่ำ กลาง และสูง ได้แก่ ttb smart port 1 - preserver, ttb smart port 3 - balancer และ ttb smart port 5 - gogetter มาดูกันว่า ถ้าเราลงทุนทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินดังกล่าวแล้ว ในระยะเวลา 10 ปี โอกาสผลตอบแทนที่เกิดขึ้นได้ของแผนการลงทุนแต่ละรูปแบบจะเป็นอย่างไรบ้าง


ต่อยอดให้เงินออมเติบโตด้วยกองทุนรวม tsp 1 - preserver

ttb smart port 1 - preserver เป็นโมเดลกองทุนรวมที่เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการควบคุมความเสี่ยงเป็นหลัก

เน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวที่มากกว่าเงินฝาก โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศ 30% และตราสารหนี้ในประเทศ 70% มีผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมอยู่ที่ 2.9%* ต่อปี

ต่อยอดให้เงินออมเติบโตด้วยกองทุนรวม tsp 1 - preserver


หากเรานำเงินเดือนละ 5,000 บาท มาต่อยอดให้เงินเติบโตด้วยการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม tsp1-preserver ในระยะเวลา 10 ปี จำนวนเงินรวมที่เราได้รับจะเท่ากับ 695,090 บาท โดยโอกาสผลตอบแทนที่เกิดขึ้นได้คือ 95,090 บาท


ต่อยอดให้เงินออมเติบโตด้วยกองทุนรวม tsp 3 - balancer

ttb smart port 3 - balancer เป็นโมเดลกองทุนรวมที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายด้วยระดับความเสี่ยงสายกลาง ไม่เสี่ยงมากหรือน้อยไป และมีเป้าหมายให้เงินทำงานแทนในระยะยาว

เน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อรักษาสมดุลพอร์ตการลงทุน โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ในประเทศ 15%, ตราสารหนี้ต่างประเทศ 35%, หุ้นในประเทศ 10% และหุ้นต่างประเทศ 40% มีผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมอยู่ที่ 4.0%* ต่อปี

ต่อยอดให้เงินออมเติบโตด้วยกองทุนรวม tsp 3 - balancer


หากเรานำเงินเดือนละ 5,000 บาท มาต่อยอดให้เงินเติบโตด้วยการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม tsp1-preserver ในระยะเวลา 10 ปี จำนวนเงินรวมที่เราได้รับจะเท่ากับ 801,850 บาท โดยโอกาสผลตอบแทนที่เกิดขึ้นได้คือ 201,850 บาท


ต่อยอดให้เงินออมเติบโตด้วยกองทุนรวม tsp 5 - gogetter

ttb smart port 5 - gogetter โมเดลกองทุนรวมที่เหมาะสำหรับคนที่สามารถรับความผันผวนได้สูงและต้องการสร้างโอกาสทำกำไรจากหุ้นทั่วโลก

เน้นลงทุนในหุ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นหุ้นต่างประเทศ 80% และหุ้นในประเทศ 20% มีผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมอยู่ที่ 7.7%* ต่อปี

ต่อยอดให้เงินออมเติบโตด้วยกองทุนรวม tsp 5 - gogetter


หากเรานำเงินเดือนละ 5,000 บาท มาต่อยอดให้เงินเติบโตด้วยการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม tsp5-gogetter ในระยะเวลา 10 ปี จำนวนเงินรวมที่เราได้รับจะเท่ากับ 899,579 บาท โดยโอกาสผลตอบแทนที่เกิดขึ้นได้คือ 299,579 บาท

*อ้างอิงผลตอบแทนจากพอร์ตจำลองโดยใช้สัดส่วนดัชนีชี้วัด (Benchmark) ในการคำนวณข้อมูลในอดีตย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ของกองทุน ttb smart port 1, 3 และ 5

เป็นอย่างไรกันบ้างกับตัวอย่างการต่อยอดเงินออมให้เติบโตด้วยการลงทุนแบบ DCA ผ่านกองทุนรวม ttb smart port ที่เราได้นำมาฝากกัน หวังว่าตัวอย่างนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังวางแผนการเงินหรือกำลังมองหาเครื่องมือดี ๆ ที่จะช่วยให้การวางแผนการเงินเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น

การวางแผนการเงินที่ดีมีความสำคัญ เพราะจะเป็นตัวกำหนดความมั่งคั่งทางการเงินของเราในอนาคต คอยสำรวจตัวเองอยู่เสมอว่าตอนนี้สุขภาพทางการเงินของเราเป็นอย่างไร ถ้าตรวจสอบแล้วพบปัญหาให้รีบแก้ไขโดยเร็ว พร้อมต่อยอดให้เงินเติบโตด้วยการลงทุน และที่สำคัญควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้ด้วย เพื่อให้เงินของเราเติบโตไปได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองสร้างแผนต่อยอดเงินออมให้เติบโตด้วยวิธีการลงทุนแบบ DCA ผ่าน ttb smart port ทั้ง 5 รูปแบบ สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่ https://www.ttbbank.com/tsp/lite-cal

ซึ่งวันนี้เรามีโปรโมชันสุดพิเศษมามอบให้ลูกค้าที่ลงทุนแบบ DCA กับกองทุนรวม ttb smart port ด้วย โดยลูกค้าที่ลงทุน DCA ขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาท ขึ้นไป ติดต่อกัน 12 เดือน จะได้รับหน่วยลงทุนพิเศษเพิ่มอีก 0.2% ของเงินลงทุนแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือนในกองทุน ttb smart port โดยต้องเริ่มตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 - 29 ธันวาคม 2566 เท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/tspdca2023

ลงทุนง่ายๆ ด้วย แอป ttb touch ได้ที่ www.ttbbank.com/ttbtouch/tsp ขั้นตอนการตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch


ขั้นตอนการตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch

การตั้งรายการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติผ่านแอป ttb touch


เงื่อนไขของรายการส่งเสริมการขาย

  1. รายการส่งเสริมการขายแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน (DCA) พิจารณาจากเงินลงทุนครั้งแรก ที่เกิดจากการตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน โดยยอดเงินลงทุนครั้งแรกต้องเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 - วันที่ 29 ธันวาคม 2566 และต้องเป็นการลงทุนต่อเนื่องทุกเดือนจำนวน 12 เดือน นับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก โดยต้องลงทุนในกองทุน ttb smart port ซึ่งประกอบด้วยกองทุน 1) tsp1-preserver 2) tsp2-nurturer 3) tsp3-balancer 4) tsp4-explorer 5) tsp5-gogetter
  2. รายการส่งเสริมการขายตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือนต้องมีการตั้งแผนการลงทุน (โดยไม่รวมการซื้อเป็นครั้งๆ) และลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อเดือนในกองทุนเดียวกันของชุดกองทุนใน ttb smart port ทั้งนี้จะคำนวณตามเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุน (CIS) และคำนวณเป็นรายกองทุน โดยนับเฉพาะยอดซื้อในกองทุน ttb smart port ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน
  3. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด จะสรุปยอดเงินลงทุนที่เข้าเงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายแบบตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน และจ่ายหน่วยลงทุนของกองทุน ttb smart port ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนถืออยู่ ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ได้รับสิทธิตามรายการส่งเสริมการขายดังกล่าว เมื่อลงทุนครบจำนวน 12 เดือน ตามเลขที่ผู้ถือหน่วยลงทุน (CIS) โดยจะเริ่มดำเนินการจ่าย 4 รอบ ได้แก่
    รอบที่ 1 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 - มีนาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567
    รอบที่ 2 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนเมษายน 2566 - มิถุนายน 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 31 สิงหาคม 2567
    รอบที่ 3 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนกรกฎาคม 2566 - กันยายน 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
    รอบที่ 4 ผู้ที่ตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติรายเดือน ครั้งแรกภายในเดือนตุลาคม 2566 - ธันวาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
    (หากวันที่ทำการจ่ายหน่วยลงทุนตรงกับ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดราชการ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะดำเนินการจ่ายในวันทำการถัดไป)
  4. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข วันทำรายการโอนหน่วยลงทุนพิเศษเพื่อซื้อกองทุนเพิ่ม และกำหนดระยะเวลาดำเนินการ โดยจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคาร คำตัดสินของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ว่ากรณี ใดๆ ให้ถือเป็นที่สุด
  5. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์ หากผู้ลงทุนได้รับโปรโมชันจากรายการส่งเสริมการขายนี้ ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิในการพิจารณารายการส่งเสริมการขายอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
  6. กรณีมีภาระภาษีเกิดขึ้นจากโปรโมชันที่ผู้ลงทุนได้รับ ผู้ลงทุนต้องเป็นผู้รับผิดชอบในภาษีที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด


คำเตือน:

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน จึงอาจทำให้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือ น้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • สนใจลงทุน ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวน ได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร. 1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09:00 – 17:30 น. ยกเว้น วันหยุดธนาคาร

ระยะเวลาโปรโมชัน 1 ก.พ. 66 - 29 ธ.ค. 66