ธีมใหม่ในการลงทุนแบรนด์ชั้นนำ หลังโควิด-19
คนส่วนใหญ่มักสงสัยว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรลงทุนในอุตสาหกรรมกลุ่มไหนถึงจะทำให้เงินลงทุนมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากหุ้นในกลุ่ม Technology และ e-commerce ที่ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ จากปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้คนส่วนใหญ่เข้าหากิจกรรมทาง Online มากขึ้น จากการ Work from Home และเรียนออนไลน์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีทิศทางดีขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเกิดขึ้นตามมา และจะเป็นผลดีในการกระตุ้นให้กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการฟื้นกลับมาด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าในปีที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวและบริการ (Hospitality Industry) เป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกให้ความสนใจในขณะนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่โดนผลกระทบอย่างหนัก จากโควิด-19 ด้วยมาตรการ Lockdown สายการบินต้องหยุดบิน โรงแรมปิดตัว ศูนย์การค้าและร้านอาหารต้องปิดชั่วคราว แต่ถ้ามองในแง่ดีก็เป็นเครื่องพิสูจน์อันล้ำค่าและยิ่งใหญ่ของบริษัทเหล่านี้ ที่จะเอาตัวรอดผ่านวิกฤต และยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของผู้บริหารที่จะนำพาบริษัทของตัวเองให้เติบโตหลังจากวิกฤตต่อไป
เมื่อกล่าวถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคงหนีไม่พ้นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีมูลค่าการท่องเที่ยวสูงที่สุดในตลาดท่องเที่ยวของโลก จากสถิติปี 2017 ที่ผ่านมา ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่ออกไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศพบว่า มีการออกไปเที่ยวกว่า 4.53 พันล้านครั้ง และมีการใช้จ่ายเงินสำหรับการท่องเที่ยวไปกว่า 680 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่มา: admissionpremium.com) ในวันนี้จีนได้ก้าวเข้าสู่ประเทศหลังโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยหลังจากการต่อสู้มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การประกาศLockdown ประเทศในปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจาก research ของ Bernstein analysis Jan 2021, OECD พบว่า 91% ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เคยยกเลิกแผนเที่ยว จะกลับมารื้อแผนการท่องเที่ยวอีกครั้งและ 46% จะมีการวางแผนท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าการออกเดินทางนอกประเทศของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเกิดจริงเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับการประกาศของรัฐบาลจีนในการอนุญาตให้บุคคลทั่วไปเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศได้
นอกจากนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นเป้าหมายของการท่องเที่ยวแล้ว การบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าแบรนด์เนมระดับโลกของคนจีนก็เป็นสิ่งที่ควบคู่กัน เราคงเคยเดินทางไปเที่ยวช้อปปิ้งในต่างประเทศอย่างยุโรป ฮ่องกง อาจจะเคยได้เห็นภาพนักท่องเที่ยวจีนที่แย่งซื้อของในร้านแบรนด์เนม จนหลายร้านต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนการเข้าในแต่ละรอบ จากตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยของโลก โดยสถาบัน Fondazione Altagamma เกี่ยวกับสัดส่วนการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศต่าง ๆ ในปี 2019 จีนนำมาเป็นอันดับหนึ่งที่สัดส่วน 35 เปอร์เซ็นต์ อันดับที่สองอเมริกาที่สัดส่วน 22 เปอร์เซ็นต์ อันดับที่สามยุโรปที่สัดส่วน 17 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยอดการขายสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนลดลงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ในช่วงกลางปีก็ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อของฟุ่มเฟือย เพียงแค่หยุดลงในช่วงที่เกิดโควิด-19 ระบาดหนัก ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตามบริษัทแบรนด์เนมชื่อดังก็ไม่ได้นิ่งนอนใจรอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยไม่มีการปรับตัวตามสถานการณ์ โดยมีการเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์มากขึ้นในช่วงที่มีการ Lockdown และมีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ของมูลค่าทั้งหมดในปี 2025 จากเดิมที่มีสัดส่วนแค่ 12% หรือราว 350,000 ล้านยูโร ในปี 2019
ที่มา: Berenberg Feb 2021, luxe.digital, Deloitte 2020, Bain 2017, MS Feb 2021
ดังนั้นสำหรับท่านที่สนใจและไม่อยากพลาดโอกาสลงทุนหุ้นในบริษัทที่จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจสินค้าหรือบริการโดยมีการวางตำแหน่งอยู่ในระดับบน (premium brand sectors) ซึ่งสินค้าหรือบริการเหล่านี้ได้รับประโยชน์ทางการตลาดหรือมีความได้เปรียบในการแข่งขันและเป็นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง ttb advisory ขอแนะนำกองทุนเปิด Thanachart Premium Brands Fund (T-Premium Brand) ที่มีการลงทุนผ่านกองทุน PICTET FUNDS (LUX) – PREMIUM BRANDS เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนระยะยาวและยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง
สำหรับกองทุน PICTET FUNDS (LUX) – PREMIUM BRANDS บริหารโดย Pictet Asset Management เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัท ประมาณ 30-50 ตัว ที่มั่นใจในการลงทุนแต่ละตัวค่อนข้างสูง (High Conviction Portfolio) รวมถึงเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าและบริการ อย่างเช่นกลุ่ม luxury brand, beauty & cosmetic, hotels และ premium vehicles ที่มีการยอมรับกันทั่วโลก
สัดส่วนการลงทุนรายอุตสาหกรรม
สัดส่วนการลงทุนหุ้น 10 อันดับแรกของกองทุน T-PREMIUM BRAND
ที่มา: Pictet Asset Management ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภคม 2021
ตัวอย่างหุ้นบริษัทที่กองทุน Thanachart Premium Brands Fund เข้าไปลงทุน
LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำ Global Luxury Brands สัญชาติฝรั่งเศส โดยดำเนินธุรกิจผ่านแบรนด์ดังต่าง ๆ ในเครือของ LVMH ซึ่งบริษัทมีสินค้าเกือบทุกอย่างที่คนรวยจะต้องจ่ายเงินเพื่อที่ได้มาครอบครอง เช่น ไวน์แอลกอฮอล์ Moet & Chandon, Hennessy กระเป๋าแฟชั่น Louis Vuitton, Dior, Fendi, Givenchy, Celine เครื่องประดับนาฬิกา Bulgari, TAG Heuer หรือแม้กระทั่งในกลุ่มจิวเวลรี่ Tiffany & CO ล้วนแล้วแต่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักชอปเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน LVMH เป็นเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ กว่า 75 แบรนด์เลยทีเดียว
Kering ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจผ่านแบรนด์ดังต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น Saint Laurent, Gucci, Balenciaga, Bottega Veneta และ Alexander McQueen เป็นบริษัทติดอันดับที่ 7 องค์กรที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก จากทั้งหมด 8,080 บริษัทในการจัดอันดับประจำปีของ Corporate Knights Global 100 และยังเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ LVMH อีกด้วย
American Express หรือ AMEX บัตรเครดิตประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งบัตรใบนี้มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนนานกว่า 60 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในบัตรเครดิตรุ่นแรก ๆ ของโลก และยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในบัตรเครดิตที่สมัครยากที่สุดในโลกใบหนึ่งอีกด้วย ซึ่งมีจุดเด่นในการดูแลอย่างดี และมีความน่าเชื่อถือและมีข้อเสนอที่น่าจูงใจทั้งรางวัลและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
L’Oréal ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในด้านความสวยความงาม หรือ cosmetic มีมูลค่าตลาดประมาณ 101 พันล้านยูโร หรือประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท แบรนด์ที่ L’Oréal เป็นเจ้าของได้แก่ Garnier, Maybelline New York, NYX, Giorgio Armani, Diesel, Kiehl’s, Lancôme, Biotherm, La Roche-Posay และอีกมากมาย นอกจากนั้น ในปี 2020 ที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 L’Oréal ได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าออนไลน์มากขึ้นทำให้ยอดขายโตกว่า 63% โดยเฉพาะในตลาดของประเทศจีนโตถึง 30% เลยทีเดียว
ที่มา: Pictet ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2021
ในส่วนของผลการดำเนินงานของกองทุน สามารถสร้างผลตอบแทนที่มีการเติบโตได้อย่างโดดเด่นแม้ในช่วงปีที่ผ่านมาจะเป็นกลุ่มที่โดนผลกระทบโดยตรงจากการระบาดของโควิด-19 แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็มาจากพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและยังมีประสิทธิภาพในการเติบโตได้ดีตามสภาวะของเศรษฐกิจ ในปีที่ผ่านมากองทุนทำผลงานได้ 60.83% เอาชนะ benchmark หรือดัชนี MSCI All Country World ได้ 41.78% รวมถึงในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
สถานการณ์การระบาดของ โควิด-19 กำลังผ่านพ้นไปในไม่ช้า แต่สำหรับการลงทุนยังต้องดำเนินต่อไป ยิ่งแนวโน้มของเศรษฐกิจที่เริ่มมีการฟื้นตัว ย่อมส่งผลดีต่อการลงทุนด้วยเช่นกัน ดังนั้นการที่เราเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะเติบโตในอนาคต จึงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ ยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์อย่าง Thanachart Premium Brands (T-Premium Brand) ด้วยแล้วทำให้เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่จะสร้างโอกาสทางการลงทุนที่แข็งแกร่งในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้ เพื่อให้คุณมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
หากสนใจปรึกษาเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ttb investment line โทร. 1428 กด # 4 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร) หรือเข้ามาปรึกษา และรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีเอ็มบีธนชาต ทุกสาขา
หมายเหตุ:
- ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด ที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชน หรือโดยทางอื่นใด ธนาคารทหารไทยธนชาตไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
- การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน /ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต /ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน /ผู้ลงทุนสามารถรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีเอ็มบี ธนชาต ทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร. 1428 กด # 4 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร)