จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงความเสี่ยงที่พบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจไม่เป็นไปอย่างราบรื่นและยังคงต้องใช้เวลาเพื่อให้การเติบโตกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรค แม้ว่าในหลายประเทศทั่วโลกจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันในสัดส่วนที่สูงแล้วก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนทั่วโลกจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งด้านไลฟ์สไตล์ ธุรกิจ และด้านสาธารณสุข หรือที่เรามักจะใช้คำพูดที่ติดหูว่า “New normal”
ในด้านการลงทุน นักลงทุนอาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าเราจะลงทุนอย่างไรท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในระดับสูง เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเห็นภาพมากขึ้นจึงอยากจะพามารู้จักกับรูปแบบการลงทุนใน 4 รูปแบบที่คนส่วนใหญ่ลงทุนและคุ้นเคยกัน
- เงินฝาก: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินต้นและต้องการสภาพคล่องที่สูงที่สุด แต่การลงทุนดังกล่าวก็แลกมาด้วยดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำที่ระดับ 0.025-2% (อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย)
- ตราสารหนี้: เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น และคาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินในธนาคาร โดยข้อดีของตราสารหนี้คือการจ่ายผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อครบกำหนดอายุผู้ลงทุนก็จะได้รับเงินต้นคืนทั้งหมด แต่ผู้ลงทุนอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้(Default) ของผู้ออกตราสารหนี้ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเงินต้นและผลตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ ตัวอย่างของตราสารหนี้ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน เป็นต้น
- ตราสารทุน: เหมาะกับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยง และต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ โดยการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนจะได้สิทธิในการเป็นเจ้าของบริษัทที่เข้าไปลงทุน แต่ต้องแลกมาด้วยความผันผวนของราคาที่เพิ่มมากขึ้น
- สินทรัพย์ทางเลือก: เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน หรือผู้ลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากการปรับตัวของราคาที่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในทองคำ น้ำมัน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นรูปแบบการลงทุนที่มีสภาพคล่องไม่สูงมาก
ในความเป็นจริงแล้วมีการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่นักลงทุนอาจจะไม่เคยได้ยินหรือยังไม่เป็นที่นิยมมาก แม้ว่าจะมีการคิดค้นมามากกว่า 40ปี แล้วก็ตาม การลงทุนที่ว่านั้นคือการลงทุนใน Convertible bond หรือ หุ้นกู้แปลงสภาพ โดยบทความนี้จะพานักลงทุนทุกท่านมารู้จักหุ้นกู้แปลงสภาพมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการเปรียบเทียบความแตกต่างของ ตราสารหนี้ หุ้นกู้แปลงสภาพ และตราสารทุนดังตารางด้านล่าง
Table 1 ตารางเปรียบเทียบลักษณะของสินทรัพย์ 3 ประเภท
|
ตราสารหนี้ | หุ้นกู้แปลงสภาพ | ตราสารทุน |
---|---|---|---|
สถานะของผู้ลงทุน | เจ้าหนี้ | เจ้าหนี้ | เจ้าของ |
กระแสเงินสดรับ |
• ดอกเบี้ย • เงินต้น ณ วันครบกำหนดอายุ |
• ดอกเบี้ย (ต่ำกว่าตราสารหนี้) • เงินต้น ณ วันครบกำหนดอายุ หรือ กำไรส่วนต่างราคาหุ้น |
• เงินปันผล • ผลกำไร/ขาดทุน จากราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลง |
ผลตอบแทน | ต่ำ | ปานกลาง | สูง |
ความผันผวน | ต่ำ | ปานกลาง | สูง |
Convertible bond คืออะไร
คือตราสารหนี้ที่นักลงทุนสามารถเปลี่ยนจากตราสารหนี้เป็นตราสารทุนของบริษัทผู้ออกตราสารตามราคาที่กำหนด หรือเรียกอีกอย่างว่าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงโดยมีผลตอบแทนอยู่ระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน จากรูปที่ 1 พบว่าหุ้นกู้แปลงสภาพจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือหุ้นกู้เอกชน และสิทธิในการแปลงเป็นหุ้นสามัญที่ใช้หุ้นของบริษัทผู้ออกตราสารมาอ้างอิงเพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิแปลงสภาพจากหุ้นกู้เอกชนให้เป็นหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกตราสารในกรณีราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่กำหนด หรือเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิแปลงสภาพก็ได้ ในส่วนนี้จะมีคำอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อ “กรณีศึกษาการลงทุนในConvertible bond ของบริษัท Tesla”
Figure 1 โครงสร้างของ Convertible bond
จากตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าหุ้นกู้แปลงสภาพจะให้ดอกเบี้ยแต่ละงวดน้อยกว่าตราสารหนี้ อันเนื่องมาจากนักลงทุนสามารถเลือกใช้สิทธิในการแปลงสภาพจากตราสารหนี้เป็นตราสารทุนได้ ในกรณีที่นักลงทุนทำการแปลงเป็นหุ้นสามัญจะทำให้สถานะของนักลงทุนจะเปลี่ยนจากเจ้าหนี้กลายเป็นเจ้าของบริษัทในทันที พร้อมทั้งมีโอกาสได้รับผลกำไร/ขาดทุน จากส่วนต่างของราคาหุ้นในบริษัทดังกล่าว(Capital gain/loss) แต่หากนักลงทุนเลือกที่จะไม่ทำการแปลงสภาพ สิทธิก็จะยังคงสภาพเหมือนการถือครองหุ้นกู้เอกชนต่อไปพร้อมทั้งได้รับดอกเบี้ยแต่ละงวดตามที่ได้ตกลงไว้ และได้รับเงินต้นคืน ณ วันครบกำหนด (ในกรณีที่บริษัทผู้ออกตราสารไม่มีการผิดนัดชำระหนี้)
การเคลื่อนไหวของราคา Convertible bond
หุ้นกู้แปลงสภาพจะสามารถปรับตัวได้ดีเมื่อราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นไปตามลูกศรสีเขียวที่มีลักษณะกราฟชันขึ้นใกล้เคียงกับราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่ราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวลดลง ราคาของ Convertible bond จะปรับตัวลดลงไม่มากตามลูกศรสีน้ำเงินที่มีเส้นกราฟค่อนข้างแบนราบไปทางซ้าย ทำให้การลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีทั้งในช่วงตลาดขาขึ้น และสามารถจำกัดการขาดทุนได้ดีในช่วงตลาดขาลง
Figure 2 การปรับตัวของราคา Convertible bond
ที่มา: Calamos Asset Management, June 2021
กรณีศึกษาการลงทุนในConvertible bond ของบริษัท Tesla
Table 2 รายละเอียดหุ้นกู้แปลงสภาพ TESLA2022CV (ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=hua_THtdwgs: CONVERTIBLE BONDS EXPLAINED - TESLA CONVERTIBLE BOND EXAMPLE and SEC Filing)
โดยถ้า ณ เวลานั้นหุ้น Tesla อยู่ที่ 500 เหรียญ(สูงกว่าราคาใช้สิทธิที่ 327.5) เราควรใช้สิทธิในการแปลงสภาพ เพราะจะได้กำไรทันที = (500 – 327.5) x 3.0534 = 526.71 เหรียญ แต่ถ้า ณ เวลานั้นหุ้น Tesla อยู่ที่ 200 เหรียญ เราไม่ควรใช้สิทธิในการแปลงสภาพเป็นหุ้นTesla แต่ควรที่จะถือครองต่อไปจนครบอายุตราสาร
ทำไมการลงทุนในConvertible bond ถึงมีความน่าสนใจ
- ผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารหนี้ประเภทอื่น ๆ โดยให้ผลตอบแทนอยู่ในลำดับที่1และ2 เป็นจำนวน 8 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
Figure 3 เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2555 – มิถุนายน 2564
ที่มา: Calamos Asset Management, June 2021 - เมื่อผสมเข้าไปในพอร์ตลงทุนแล้วจะทำให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงดีขึ้น (เพิ่ม Efficient frontier ของพอร์ตการลงทุน) เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนเพียงแค่ตราสารหนี้และตราสารทุน
- สามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกได้แม้แต่ในช่วงที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอย่างน้อย 1% ตั้งแต่ปี 2539 ถึง พฤษภาคม 2564 (ที่มา: Calamos Asset Management)
- อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพอยู่ที่ระดับ 1.2% ต่ำกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ High Yield ที่ระดับ 3.6% อย่างมีนัยสำคัญ (ที่มา: Barclays Equity Research, 31 March 2021)
- เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาพบว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจ 3 ครั้งล่าสุด (Internet Bubble, Financial Crisis และ Covid-19) การลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพให้ผลตอบแทนที่ติดลบน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ขณะที่ช่วงตลาดขาขึ้นก็สามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวกใกล้เคียงกับ MSCI World
Figure 4 ผลตอบแทนของการลงทุนในช่วงเกิดวิกฤตและการฟื้นตัว
(ที่มา: Calamos Asset Management, June 2021)
แม้ว่าการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพจะดูเหมือนให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นสามัญ แต่การลงทุนย่อมมีสองด้านเสมอ โดยความเสี่ยงที่สำคัญของการลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพคือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้(default) ของผู้ออกตราสาร ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมด ดังนั้นการวิเคราะห์การลงทุนและเลือกตราสารที่จะลงทุนจึงมีความสำคัญอย่างมาก
จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาข้างต้นน่าจะพอทำให้นักลงทุนหลายท่านเข้าใจการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะมีหลายท่านเริ่มสนใจที่จะลงทุนแต่ยังไม่กล้าที่จะซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพโดยตรง แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะวันนี้เรามีการลงทุนในกองทุนConvertible bond มาแนะนำ ซึ่งจะเปิดให้ซื้อขายเป็นครั้งแรกในประเทศไทยผ่านกองทุนที่มีชื่อว่า “กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Convertible Bond” (T-ES-ConBond) ในวันที่ 19 - 26 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
รายละเอียดกองทุน T-ES-ConBond
เน้นการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพทั่วโลกผ่าน 2 กองทุนหลัก ในรูปแบบFund of funds
- Calamos Global Convertible Class Z (USD) Acc ในสัดส่วน 50-60%: บริหารจัดการโดย Calamos Investments ผู้คิดค้นการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพตั้งแต่ปี 1985 การันตีด้วยรางวัลชนะเลิศประเภท 10-Year Risk-Adjusted performance กลุ่ม Bond Convertibles Global จาก Lipper Fund Awards from Refinitiv ปี 2019 และยังได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในGlobal Convertible bond ทั้งตราสารที่มีอันดับเครดิตเรทติ้ง Investment Grade และ High Yield
- Lazard Global Convertible Bond Investment Grade Class (A) Acc ในสัดส่วน 40-50%: บริหารจัดการโดย Lazard Asset management บลจ. ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการในกลยุทธ์ Convertible bond มากกว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในโลก การันตีด้วยรางวัล Best Bond Convertibles Global Fund Over 3 and 5 Years จาก Lipper Fund Awards from Refinitiv ปี 2019 โดยกองทุนจะเน้นการลงทุน Global Convertible bond ที่มีอันดับเครดิตเรตติ้ง IG เท่านั้น
Figure 5 จุดเด่นของการผสมผสานระหว่างกองทุนหลัก Calamos และ Lazard
กระบวนการลงทุน
การคัดเลือกหุ้นกู้แปลงสภาพจะมีความซับซ้อนและปัจจัยที่ต้องคำนึงมากกว่าการลงทุนแค่ตราสารหนี้ หรือตราสารทุน เนื่องจากที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าหุ้นกู้แปลงสภาพจะเป็นสินทรัพย์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน ทำให้การคัดเลือกตราสารมีขั้นตอนเพิ่มมากขึ้น ผ่าน 3 หัวข้อหลัก ๆ ดังนี้
- Credit Analysis: วิเคราะห์เครดิตและการเงินของตราสารหนี้ในแต่ละบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน รวมถึงการวิเคราะห์ทางด้านอุตสาหกรรม และทดลองทางสถิติ เพื่อพยากรณ์โอกาสการผิดนัดชำระหนี้
- Convertible Analysis: วิเคราะห์ผลตอบแทนต่อความเสี่ยง และประเมินมูลค่าที่แท้จริง พร้อมทั้งประมาณการผลตอบแทนที่คาดหวัง
- Equity Analysis: วิเคราะห์การเติบโตรายได้ของบริษัท รวมถึงการวิเคราะห์ผู้บริหารและบทวิจัยของนักวิเคราะห์ และผลตอบแทนของกระแสเงินสดต่อทุน
เมื่อผ่านกระบวนการวิเคราะห์ตามด้านบนแล้วนั้น ผู้จัดการกองทุนจะนำข้อมูลที่ได้มาสร้างเป็นพอร์ตการลงทุน โดยพิจารณาจากผลตอบแทนคาดหวัง ความเสี่ยงโดยรวม ผลตอบแทนต่อความเสี่ยง การกระจายตัวรายอุตสาหกรรม คุณภาพสินทรัพย์ที่ลงทุน และกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยการลงทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
สัดส่วนการลงทุน
จากที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่ากองทุน T-ES-ConBond จะเข้าไปลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนมีการกระจายตัวเพื่อมีความบาลานซ์มากยิ่งขึ้น เห็นได้จากกราฟแท่งสีน้ำเงินเข้มที่มีน้ำหนักการลงทุนในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรปที่มูลค่าของหุ้นกู้แปลงสภาพยังอยู่ในระดับที่ไม่แพงมากนักในสัดส่วนใกล้เคียงกัน รวมถึงการกระจายตัวของอันดับเรตติ้งที่ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งเพียงกองทุนเดียว
Figure 6 สัดส่วนการลงทุนแบ่งแยกตามทวีปและอันดับความน่าเชื่อถือ
ที่มา: Calamos Asset Management and Lazard Asset Management as of July 2021
เช่นเดียวกับสัดส่วนการลงทุนตามรายอุตสาหกรรมที่กองทุน T-ES-ConBond ช่วยลดการกระจุกตัวในแต่ละหมวดอุตสาหกรรมลง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการลงทุนสูงที่สุดอย่าง Information Technology และConsumer Discretionary โดยจะมีการกระจายไปลงทุนในกลุ่มที่ราคายังถูก เช่น Financial หรือ Utilities
Figure 7 สัดส่วนการลงทุนตามกลุ่มอุตสาหกรรม
(ที่มา: Calamos Asset Management and Lazard Asset Management as of July 2021)
Top 5 Holdings: กองทุน Calamos Global Convertible
Table 3 ตัวอย่างบริษัทที่ Calamos Global Convertible เข้าไปลงทุน (ที่มา: Calamos Asset Management, July 2021)
ชื่อบริษัทผู้ออก | สัดส่วน | รายละเอียด |
---|---|---|
1) Snap Inc. | 1.8% | ผู้นำด้าน Social Media Platform และ Short Videos สัญชาติอเมริกัน |
2) Carrefour, SA | 1.6% | ผู้นำทางด้านร้านสะดวกซื้อครบวงจรสัญชาติฝรั่งเศส ดำเนินธุรกิจ 30 ประเทศทั่วโลก และมีร้านค้ามากกว่า 1 หมื่นแห่ง |
3) Wells Fargo | 1.4% | ธนาคารในอเมริกาขนาดใหญ่ ดำเนินธุรกิจให้กู้ยืม บริหารจัดการความมั่งคั่ง การซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น โดยมีสินทรัพย์สูงเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ |
4) Bank of America | 1.4% | ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจการเงินครบวงจร |
5) Royal Caribbean Cruises | 1.3% | บริษัทเดินเรือสำราญสัญชาตินอร์เวย์ ถือเป็น Top 3 ในกลุ่มเดินเรือสำราญของโลก |
Top 5 Holdings: กองทุน Lazard Global Convertible Bond Investment Grade
Table 4 ตัวอย่างบริษัทที่ Lazard Global Convertible Bond Investment Grade เข้าไปลงทุน (ที่มา: Lazard Asset Management, July 2021)
ชื่อบริษัทผู้ออก | สัดส่วน | รายละเอียด |
---|---|---|
1) STMicroelectronics NV | 5.7% | ผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และSemiconductors ชั้นนำของโลกสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี |
2) Électricité de France SA | 4.2% | ผู้ให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าขั้นนำจากฝรั่งเศสที่ผลิต และจำหน่ายในหลายภูมิภาค ทั้งยุโรป อเมริกาเหนือ/ใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา |
3) Worldline S.A. | 3.8% | ผู้ให้บริการ Digital Payment และTransactional Services จากฝรั่งเศส |
4) América Móvil | 3.8% | ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับ 1 ในเม็กซิโก และอันดับ 7 ของโลก |
5) Amadeus IT Group | 3.7% | ผู้ให้บริการด้าน IT Solution รายใหญ่จากสเปนที่เน้นไปในอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยว |
จากตัวอย่างบริษัทที่เข้าไปลงทุนด้านบนพบว่ากองทุนจะเน้นการลงทุนที่ผสมผสานกันระหว่างธีมเศรษฐกิจฟื้นตัว(Reopening) ได้แก่กลุ่มท่องเที่ยวอย่าง Royal Caribbean Cruises รวมถึงธนาคารขนาดใหญ่ที่มี่ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง เช่น Wells Fargo, Bank of America และธีมNew normal ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น ได้แก่ Snap Inc หรือ Amadeus IT Group เป็นต้น ทำให้กองทุน T-ES-ConBond น่าจะได้ประโยชน์จากการเติบโตและฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมาก
ผลการดำเนินงาน
เนื่องจากกองทุน Lazard Global Convertible Bond ที่เน้นกลยุทธ์การลงทุนเฉพาะ Investment Grade เพิ่งจัดตั้งเมื่อ 5 พฤษภาคม 2564 จึงขอแสดงข้อมูลผลการดำเนินงานเพียงแค่กองทุน Calamos Global Convertible เท่านั้น
Table 5 Trailing Return ของกองทุน Calamos Global Convertible
|
1M | 3M | 6M | 1Y | 3Y* | 5Y* | 10Y* | 15Y* | SI* |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Fund | -0.85% | 0.07% | 1.82% | 23.32% | 16.84% | 13.88% | 9.40% | 8.81% | 9.27% |
Benchmark** | -1.04% | -0.26% | 2.18% | 24.59% | 15.19% | 11.94% | 8.24% | 7.51% | 7.93% |
Table 6 Calendar Return กองทุน Calamos Global Convertible
|
YTD | 2020 | 2019 | 2018 | 2017 | 2016 | 2015 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Fund | 2.41% | 40.92% | 16.23% | -1.83% | 15.64% | 5.20% | 2.15% |
Benchmark** | 3.46% | 35.11% | 16.47% | -3.74% | 12.83% | 3.48% | -2.11% |
*Annualized Return(%)
**Benchmark: Refinitiv Global Convertible Bond Index
ที่มา: Morningstar as of July 2021, Gross of Fee Return
สำหรับนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อในระยะยาว แต่มีความกังวลต่อความผันผวนที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการลดขนาดQE ของธนาคารกลางทั่วโลก การลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพผ่านกองทุนรวม T-ES-ConBond ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากกองทุนได้คัดเลือกผู้จัดการกองทุนที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี เข้ามาคัดเลือกหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับพอร์ตการลงทุน โดยเมื่อดูจากผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาพบว่าสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ ๆ ของโลกมาได้ตลอดช่วง 20ปี โดยลูกค้า ttb สามารถลงทุนกองทุนหุ้นกู้แปลงสภาพที่แรกในไทยได้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2564 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท เพื่อให้คุณมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น และเพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต
โปรโมชันพิเศษ 2 ต่อ!
ต่อที่ 1
หากนักลงทุนสนใจลงทุนในช่วงการเสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 19 - 26 ตุลาคม 2564 เมื่อลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปรับส่วนลดค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน (Front end fee) จาก 1% เป็น 0.5% ของมูลค่าหน่วยลงทุน (ระหว่างวันที่ 19 - 26 ตุลาคม 2564 เท่านั้น)
ต่อที่ 2
พิเศษอีก! ลงทุนกับ ttb วันนี้รับโปรโมชันกองทุนเด่นส่งท้ายปี 2564
สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น ttb สนับสนุนให้คุณวางแผนการเงินลงทุนเพื่ออนาคตตั้งแต่วันนี้ ให้คุณลงทุนเพื่อต่อยอดความมั่งคั่งด้วยโปรโมชันกองทุนแห่งปี มีโอกาสรับ Samsung Galaxy Flip3 หรือของขวัญอื่น ๆ ตามยอดเงินลงทุนสุทธิในกองทุนที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไประหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2564
หากสนใจปรึกษาเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ttb investment line โทร. 1428 กด # 4 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร) หรือเข้ามาปรึกษา และรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีทีบีทุกสาขา
หรือ ลงทุนง่าย ๆ ผ่านแอป ttb touch
หมายเหตุ:
- ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด ที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
- การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน /ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน /ผู้ลงทุนสามารถรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา