ความใฝ่ฝันสำหรับพนักงานเงินเดือนอย่างเรา คงหนีไม่พ้นการมีเงินเก็บสักก้อนไว้ให้อุ่นใจ เพื่อช่วยให้เราผ่านพ้นทุกวิกฤติไปได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะพยายามเก็บเงินด้วยด้วยวิธีต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น การประหยัดค่ากาแฟ ทำอาหารกินเอง หรืองดเที่ยวสังสรรค์ แต่จนแล้วจนรอดมาถึงกลางปี ก็ยังเก็บเงินไม่ถึงไหนสักทีใช่ไหมครับ
เอาล่ะ ! เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป สำหรับคนที่มุ่งมั่นต้องการมีเงินแสนให้ได้ภายใน 1 ปี เพราะเราจะชวนคุณมาเปลี่ยนความกดดันนี้ให้กลายเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยเทคนิค 52 Weeks Money Savings Challenge ที่ทั้งสนุกและนิยมทำกันในต่างประเทศ เพื่อเปลี่ยนเงินหลักพันให้เป็นหลักแสนในเวอร์ชันภาษาไทยกันครับ
เลือก Challenge ให้สนุกในแบบตัวเอง !
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องเป็น 52 สัปดาห์กันนะ ? นั่นก็เป็นเพราะว่าใน 1 ปีมี 52 สัปดาห์นั่นเองครับ Challenge นี้จึงเกิดขึ้นมาเพื่อช่วยทำให้เป้าหมายของคุณชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเมื่อมีเป้าหมาย คุณก็จะสามารถโฟกัสได้ตรงจุดมากขึ้น และยังทำให้การเก็บเงินของคุณมีความสนุกและยืดหยุ่นได้มากกว่าการเก็บเป็นรายเดือน ซึ่งคุณสามารถเก็บเงินด้วยตัวเอง หรือช่วยกันเก็บภายในครอบครัวแบบคนมีคู่ ตามสัดส่วนรายได้ของแต่ละคน เช่น แบ่งเก็บจากสามี 60% จากภรรยา 40% มารวมกันทุกสัปดาห์ แล้วมาคอยลุ้นไปด้วยกันก็ได้ ซึ่งถ้าเริ่มต้นตั้งแต่กลางปีนี้ คุณก็จะได้เห็นความสำเร็จให้ชื่นใจอีกทีในกลางปีหน้าครับ
และเพราะไลฟ์สไตล์คนเราไม่เหมือนกัน การเก็บเงินหลักพันให้ได้หลักแสนก็ย่อมมีวิธีการระหว่างทางที่แตกต่างกันได้ เราจึงมีตารางมาให้คุณเลือกถึง 3 แบบด้วยกัน ซึ่งมีผลลัพธ์ที่ทำให้คุณเห็นเงินแสนได้เหมือนกันครับ
แบบที่ 1 แบ่งเก็บแบบหักดิบทันทีอย่างสม่ำเสมอ
การเก็บแบบนี้เหมาะสำหรับคนใจเด็ดที่ตัดสินใจแล้วว่า “ฉันจะเก็บเงิน” แล้วลงมือทำทันที โดยเก็บที่ 1,925 บาทเท่า ๆ กันทุกสัปดาห์ ข้อดีของการแบ่งเก็บแบบนี้คือช่วยให้จำง่าย และเกิดความผิดพลาดน้อยครับ
แบบที่ 2 แบ่งเก็บแบบท้าทาย เหมือนได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์
เป็นแบบที่เหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นแบบสบาย ๆ เพื่อการปรับตัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับความท้าทาย โดยเริ่มเก็บสัปดาห์แรกที่ 1,000 บาท แล้วค่อย ๆ เพิ่มสัปดาห์ละ 50 บาทไปเรื่อย ๆ จนถึงสัปดาห์สุดท้าย คุณก็จะได้เห็นเงินแสนในที่สุดครับ
สำหรับมือใหม่เพิ่งเริ่มต้น และยังไม่พร้อมแบ่งเงินหลักพันมาออม อาจปรับเป็นเริ่มต้นด้วยเงินหลักร้อย แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ แม้อาจจะต้องออมเยอะหน่อยในช่วงท้าย แต่กว่าจะถึงตอนนั้น คุณก็กลายเป็นนักออมมืออาชีพไปแล้วครับ
แบบที่ 3 แบ่งเก็บแบบยืดหยุ่นคล่องตัว
เป็นการเก็บอีกรูปแบบที่เหมาะกับพนักงานเงินเดือนอย่างเราครับ เพราะทันทีที่เงินเดือนออก คุณก็สามารถเก็บเงินในช่วงต้นเดือนได้ง่าย ไม่กังวลใจเท่าตอนปลายเดือน หรือสำหรับใครที่เงินเดือนออกช่วงปลายเดือน คุณก็เปลี่ยนมาเก็บเยอะช่วงปลายเดือน แล้วเก็บน้อยลงในช่วงต้นเดือนได้ครับ ดังนั้นการเก็บเงินแบบนี้จึงเป็นการวนลูปจากมากไปน้อยเรื่อย ๆ เมื่อครบกำหนด 52 สัปดาห์ คุณก็จะได้เห็นเงินแสนแบบทันตาเลยครับ
เคล็ดลับสำคัญ
สำหรับพนักงานเงินเดือนแบบเรา ๆ เมื่อเลือกได้แล้วว่าสไตล์ของคุณเหมาะที่จะทำตามตารางไหน
ต่อไปสิ่งที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ก็คือการเลือกฝากเงินในบัญชีที่ใช่และให้ดอกเบี้ยสูงนั่นเองครับ
ซึ่งโดยปกติคุณจะใช้บัญชี all free ไว้รับเงินเดือนกันอยู่แล้วใช่ไหมครับ
เพื่อให้การออมของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เราขอแนะนำบัญชีเพื่อออม no fixed ฝากไม่ประจำดอกเบี้ยสูง
ซึ่งเป็นอีกทางที่ช่วยทำให้เงินออมของคุณงอกเงยเพิ่มขึ้น เพราะได้ดอกสูงตั้งแต่บาทแรก
ซึ่งมีฟีเจอร์ดี ๆ อย่าง savings goal ไว้ให้คุณจัดการ แยกเก็บออมเงินได้หลายเป้าหมายในบัญชีเดียว Tracking ง่าย ไม่ต้องแยกฝากหลายบัญชีให้วุ่นวาย โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าการเก็บเงินแบบอัตโนมัติเป็นแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้ด้วย ซึ่งคุณสามารถคอยรีเช็กผลงานตัวเองผ่านแอป touch ได้ง่าย ๆ ตลอดเวลา
หวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนที่มีความตั้งใจ สามารถพิชิตเป้าหมายในการเก็บเงินแสนได้อย่างสนุกมากขึ้น
เมื่อทำเป้าหมายนี้ได้สำเร็จแล้ว อย่าลืมลองตั้งเป้าหมายอื่น ๆ เพื่อความท้าทายในชีวิตกันต่อเลยครับ ลุย !