ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้าสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำสินเชื่อบ้าน ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก มุ่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงใจ ล่าสุด เปิดตัว “บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน” บัตรกดเงินสดสินเชื่อบ้าน ครั้งแรกในประเทศไทย วงเงินพร้อมใช้ที่ให้ความอุ่นใจยามฉุกเฉินด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ที่ช่วยให้การใช้เงินไม่มีสะดุด
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า เป้าหมายของทีเอ็มบีธนชาต ต้องการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งวันนี้และอนาคตให้กับลูกค้า โดยสนับสนุนให้ลูกค้ามีพื้นฐานด้านการเงินที่ดีในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้าน “รอบรู้เรื่องกู้ยืม” การวางแผนการกู้ยืมอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การส่งเสริมให้ลูกค้าเลือกสร้างหนี้ที่ดี สอดคล้องกับความสามารถผ่อนชำระในระยะยาว อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน ที่ช่วยให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงเป็นหนึ่งในกลุ่มสินเชื่อที่ธนาคารให้ความสำคัญมากอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังการรวมกันเสร็จสมบูรณ์ ทำให้ทีเอ็มบีธนชาต มีฐานธุรกิจสินเชื่อที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินหลักที่ให้บริการด้านสินเชื่อบ้าน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 12% ณ สิ้นปี 2564 พร้อมกับศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจที่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้ธนาคารได้กำหนดกลยุทธ์การเติบโตสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อบ้าน ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
1.) ขยายธุรกิจใหม่ผ่านช่องทางหลักที่มีความเชี่ยวชาญ โดยสินเชื่อบ้านใหม่ จะเน้นต่อยอดความร่วมกับพันธมิตรผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Developer) ชั้นนำทั่วประเทศมากกว่า 70 ราย รวมถึงการส่งเสริมการขายสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ และสินเชื่อบ้านแลกเงิน ผ่านช่องทาง ต่าง ๆ เช่น สาขาธนาคารที่มีกว่า 650 แห่ง ซึ่งปีนี้ธนาคารได้กำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้าน ที่แยกเฉพาะจากเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการด้านธุรกรรม เพื่อให้โฟกัสเกี่ยวกับบริการด้านสินเชื่อบ้านแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่
2.) มุ่งพัฒนาช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การสมัครใช้บริการสินเชื่อที่สะดวกมากขึ้น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยปัจจุบันลูกค้าสามารถสมัครบริการสินเชื่อบ้านโดยรูปแบบต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ ttbbank.com จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อให้ข้อมูลและนัดหมายเพื่อให้บริการถึงที่ นอกจากนี้ ธนาคารยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบให้ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อบ้านผ่านแอป ttb touch ได้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการส่วนนี้ได้ภายในต้นปี 2566
3.) สร้างสรรค์สิทธิประโยชน์รอบด้านเพื่อลูกค้าสินเชื่อบ้าน นอกจากประกันอัคคีภัยที่ธนาคารมอบให้ฟรีแก่ลูกค้าสินเชื่อบ้านทุกราย เพื่อเพิ่มความอุ่นใจตลอดอายุสัญญาซึ่งช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้ประมาณ 1,000 บาทต่อปี ต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาทแล้ว ธนาคารยังร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจเพื่อสร้างสรรค์สิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เพื่อลูกค้าสินเชื่อบ้านอย่างต่อเนื่อง เช่น ประกันภัยทรัพย์สินภายในบ้านเพิ่มเติมในราคาพิเศษ โปรโมชันสำหรับการใช้จ่ายที่ร้านค้า / ห้างสรรพสินค้าในหมวดที่เกี่ยวกับการตกแต่ง ซ่อมแซม และต่อเติมบ้าน เป็นต้น
4.) นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้พัฒนา “สินเชื่อบ้านแลกเงิน เคลียร์หนี้” สำหรับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนบ้านเป็นเงินเพื่อใช้รวบหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงให้กลายเป็นดอกเบี้ยต่ำผ่านบริการ “รวบหนี้เป็นก้อนเดียว” หรือ Debt Consolidation ซึ่งมีจุดเด่นที่การไม่คิดภาระหนี้ที่ต้องการจะรวบ และธนาคารจะตีเช็คตรงเพื่อจ่ายหนี้ให้กับธนาคารต้นทางอีกด้วย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ดีในการช่วยลดภาระดอกเบี้ยและยอดผ่อนรายเดือน เสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้าได้ โดยเฉพาะลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งทีเอ็มบีธนชาตได้ช่วยเหลือลูกค้าผ่านโปรแกรมนี้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ไปแล้ว เป็นวงเงินกว่า 800 ล้านบาท
ล่าสุด ธนาคารได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน” ถือเป็นครั้งแรกในวงเงินสินเชื่อบ้านในประเทศไทยที่มีผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีบ้านปลอดภาระ สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นเงินสดเพื่อใช้จัดการภาระค่าใช้จ่ายสำคัญ โดยสามารถเลือกรับได้ทั้งเงินก้อนโอนเข้าบัญชี หรือเก็บเป็นวงเงินพร้อมใช้ในบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน ที่สามารถเบิกใช้วงเงินได้ทุกเวลา
นายฐากร กล่าวว่า “บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน” ถูกพัฒนาขึ้นด้วยความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า โดยสามารถใช้ควบคู่กับสินเชื่อบ้านแลกเงิน ซึ่งปกติจะโอนเงินทั้งก้อนเข้าบัญชีให้ลูกค้า เพื่อนำไปจัดการภาระต่าง ๆ ได้ในปัจจุบัน เช่น ซ่อมแซมบ้าน ลงทุนทำธุรกิจ ขณะเดียวกันหากลูกค้าอยากเก็บวงเงินบางส่วนไว้สำหรับเหตุจำเป็นในอนาคต ก็สามารถสำรองไว้ใน “บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน” ไม่เบิกใช้ ไม่เสียดอกเบี้ย หรือถ้าเบิกใช้ก็คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพียง 0.57% ต่อเดือน ยกตัวอย่าง หากเบิกใช้วงเงิน 100,000 บาท จะเสียดอกเบี้ยประมาณวันละ 19 บาทเท่านั้น ที่สำคัญ ลูกค้าโปะคืนได้ตลอดเวลา โดยวงเงินจะคืนกลับเข้าบัตรทันที โปะแล้วต้องการเบิกใช้ใหม่ก็ทำได้ และสำหรับลูกค้าที่ยังผ่อนบ้านอยู่ ก็สามารถใช้วิธีรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านมาอยู่ที่ ทีทีบี พร้อมกับขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับเก็บไว้ในบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน ได้เช่นกัน
จุดเด่นของบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน
- อุ่นใจ..พร้อมรับมือเรื่องฉุกเฉิน - เบิกเงินสดทันทีผ่านตู้เอทีเอ็ม ฟรีค่าธรรมเนียม หรือจะโอนวงเงินจากบัตรเข้าบัญชี ผ่านแอป ttb touch ก็สะดวก รับเงินทันที ทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- สบายใจ..ไม่ใช้ ไม่เสียดอกเบี้ย - คิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ตามจำนวนที่ใช้จริง ที่สำคัญดอกเบี้ยต่ำกว่าบัตรกดเงินสดทั่วไป เพียง 57% ต่อเดือน (คิดจากอัตราดอกเบี้ย MRR + 0.5% = 6.78% ต่อปี โดยปัจจุบัน MRR = 6.28% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2564)
- เบาใจ..ผ่อนชำระคืนขั้นต่ำเพียง 1% - เพิ่มความยืดหยุ่นให้คุณจัดการเรื่องเงินได้ง่ายขึ้น โดยผ่อนชำระคืนขั้นต่ำเพียง 1% หรืออยากโปะก็ทำได้ วงเงินจะคืนกลับเข้าบัตรทันที
- ถูกใจ..ผ่อนชำระสินค้าแบ่งจ่ายรายเดือน - บริการผ่อนชำระสินค้าและบริการ (ttb pay plan) ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 60 เดือน เลือกชำระคืนรายงวด งวดละเท่า ๆ กัน
พิเศษ.. สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรกที่สมัคร “บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน” และมียอดใช้วงเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ภายในวันที่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2565 รับฟรี! คูปองส่วนลดโฮมโปร 1,000 บาท (เงื่อนไขตามที่ธนาคารกำหนด)
ธนาคารตั้งเป้าหมายว่า ภายในปีนี้จะสามารถออก ”บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน” ได้ประมาณ 5,000 ใบ คิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับกลยุทธ์การเติบโตต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวข้างต้น ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบ้านรายใหม่ ในปี 2565 เป็นมูลค่ากว่า 66,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 32%
“ทีเอ็มบีธนชาต มีความตั้งใจและไม่หยุดพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อบ้านให้แก่ลูกค้าในเชิงลึก ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด เพื่อช่วยทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งในวันนี้และอนาคตได้อย่างยั่งยืน” นายฐากร กล่าวสรุป