เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไม? มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ถึงประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย หรือทำไม? วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงได้ครองแชมป์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอยู่หลายปี ถ้าคำตอบคือใช่! วันนี้คือโอกาสดี ที่คุณจะได้ทราบเคล็ดลับการทำงาน ที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาประสบความสำเร็จในระดับโลกครับ
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียยอดนิยมที่มีผู้ใช้กว่าสองพันล้านคน มีแนวคิดในการทำงาน คือ “จัดลำดับและทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน” เพราะในแต่ละวันนั้น มีเรื่องให้ทำมากมาย ดังนั้นในทุก ๆ เช้า เขาจะจัดตารางของตัวเอง ว่าวันนี้ต้องทำอะไรก่อนและหลัง โดยเรียงลำดับตามความสำคัญ แล้วลงมือทำตามแผนนั้น จะช่วยให้คุณจัดการงานที่ค้างได้อย่างดี แถมงานยังออกมาดีอีกด้วย
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้รับการขนานนามว่า พ่อมดแห่งการลงทุน ฉายานี้ได้มาเพราะความเก่งกาจทางด้านการลงทุนของเขา ที่ใครก็เทียบไม่ได้ นั่นคงเป็นเพราะวอร์เรน บัฟเฟตต์ ถือคติที่ว่า คนเราต้อง “รู้จักจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง” คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญหมดทุกสิ่ง แต่ขอแค่เข้าใจตัวเอง หาจุดอ่อนและจุดแข็งของคุณให้เจอ แล้วคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้จุดอ่อนและจุดแข็งของเรานั้นพัฒนาขึ้นไป
เจ เค โรว์ลิ่ง
เจ้าของ ผู้แต่งวรรณกรรมระดับโลกอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ตีพิมพ์ เธอถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ถึง 12 ครั้ง! กว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้น ต้องผ่านความผิดหวังและไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เพราะความเชื่อที่ว่า “ต้องกล้าที่จะเสี่ยง ไม่กลัวความล้มเหลว” ทำให้เจ เค โรว์ลิ่ง ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในทุกวันนี้
อีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง เทสล่า, สเปซเอ็กซ์ ที่มีนวัตกรรมเปลี่ยนโลกจนเป็นที่ฮือฮา และแนวคิดของเขานั้นตรงกับธุรกิจที่เขาทำอยู่มาก ๆ นั่นก็คือ “ตอบสนองและสื่อสารอย่างรวดเร็ว” ถ้ามีพนักงานส่งอีเมลมาหาเขา เขาจะตอบเมลกลับภายใน 5 นาที และตอบกลับอย่างละเอียด ทำให้การทำงานไม่ขาดช่วง ดำเนินการได้รวดเร็ว ส่วน CEO ก็ไปโฟกัสเรื่องอื่นต่อได้
เคล็ดลับความสำเร็จของพวกเขาเหล่านี้ คือสิ่งดี ๆ ที่เราควรนำมาเป็นตัวอย่าง แล้วเอามาปรับใช้ให้เข้ากับงานที่เราทำครับ และก็อย่าลืมด้วยนะครับว่าก้าวแรกของทุกความสำเร็จจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะฉะนั้นเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อใช้เป็นทุนในการทำตามความฝันของคุณ
ขอบคุณข้อมูลจาก sharktankthailand, smartsme, mangozero