external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

รู้ทันสินเชื่อรถยนต์ มีกี่ประเภทและต่างกันยังไง

#fintips #รอบรู้เรื่องกู้ยืม
29 ส.ค. 2567

สินเชื่อรถยนต์เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถหรือใช้รถเป็นหลักประกัน แต่ด้วยความหลากหลายของประเภทสินเชื่อ อาจทำให้หลายคนเกิดความสับสน บทความนี้จะอธิบายว่าสินเชื่อรถยนต์คืออะไร สินเชื่อมีกี่ประเภท และลิสซิ่งกับไฟแนนซ์ต่างกันอย่างไร รวมถึงรถยนต์ส่วนบุคคลมีกี่ประเภทที่สามารถใช้ในการขอสินเชื่อ เพื่อให้คุณมีข้อมูลครบถ้วนในการเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถใหม่หรือการใช้รถที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด


สินเชื่อรถยนต์คืออะไร

สินเชื่อรถยนต์ คือ บริการทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถซื้อรถยนต์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ทันที โดยผู้ขอสินเชื่อจะผ่อนชำระเป็นงวด ๆ พร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้รถยนต์เป็นสินทรัพย์ประเภทหลักประกัน ซึ่งจะถูกใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ


สินเชื่อรถยนต์มีกี่ประเภท

สินเชื่อมีกี่ประเภท สินเชื่อรถยนต์สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีลักษณะและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนี้


สินเชื่อรถยนต์เช่าซื้อ

สินเชื่อรถยนต์เช่าซื้อ เป็นการซื้อรถยนต์โดยการผ่อนชำระเป็นงวด ๆ จนกว่าจะครบตามจำนวนที่ตกลงกัน เมื่อชำระเงินครบถ้วน ผู้ซื้อจะได้เป็นเจ้าของรถยนต์อย่างสมบูรณ์ การเช่าซื้อเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด


สินเชื่อไฟแนนซ์

สินเชื่อไฟแนนซ์ เป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ไม่ได้ผูกพันกับผู้ขายรถยนต์โดยตรง ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกซื้อรถจากผู้ขายใดก็ได้แล้วนำมาขอสินเชื่อไฟแนนซ์ ซึ่งมักมีเงื่อนไขและดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันการเงิน


สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์

สำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระทางการเงินจากการผ่อนชำระค่างวดรายเดือน สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์ เป็นตัวเลือกที่ดี โดยการขอสินเชื่อใหม่เพื่อชำระหนี้สินเชื่อรถยนต์เดิม วิธีนี้จะช่วยลดดอกเบี้ยและลดค่างวดรายเดือน ทำให้การจัดการภาระทางการเงินเป็นไปได้ง่ายขึ้น


สินเชื่อรถแลกเงิน

สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นการใช้รถยนต์ที่มีอยู่แล้วเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อ วงเงินสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของรถยนต์ การรถแลกเงินช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อได้รับเงินสดทันที ในแต่ละประเภทของสินเชื่อรถยนต์ ผู้ขอสินเชื่อต้องพิจารณาเงื่อนไขและดอกเบี้ยอย่างละเอียด เพื่อให้ได้สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการและสภาพการเงินของตนเอง

สินเชื่อรถยนต์คิดดอกเบี้ยยังไง


สินเชื่อรถยนต์คิดดอกเบี้ยอย่างไร

การคิดดอกเบี้ยของ สินเชื่อรถยนต์ จะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินเชื่อ โดยทั่วไปแล้วจะมีการคิดดอกเบี้ยในสองรูปแบบหลัก คือ แบบคงที่ (Flat Rate) และแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

  • การคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate)
    คือการคิดดอกเบี้ยที่คำนวณจากยอดเงินต้นทั้งหมดตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระ ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกคำนวณตามยอดเงินกู้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการผ่อนชำระ

    วิธีนี้ทำให้ผู้กู้ทราบจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนอย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ แต่ข้อเสียคือจะไม่สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ แม้ว่าจะชำระเงินต้นไปแล้วก็ตาม
  • การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)
    คือการคิดดอกเบี้ยที่คำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด ซึ่งหมายความว่าในแต่ละเดือนที่ผู้กู้ชำระเงิน ยอดเงินต้นจะลดลง ดอกเบี้ยที่คำนวณในเดือนถัดไปจะลดลงตามยอดเงินต้นที่เหลืออยู่ วิธีนี้ช่วยให้ผู้กู้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ในระยะยาวและเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถชำระเงินต้นเพิ่มได้

ตัวอย่างเช่น หากเราเลือกสินเชื่อแบบลดต้นลดดอก เมื่อเราชำระเงินต้นไปแล้ว ดอกเบี้ยในเดือนถัดไปจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นที่ลดลง ทำให้ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลดลงเรื่อย ๆ ตามยอดเงินต้นที่ลดลง ซึ่งแตกต่างจากการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ที่จะคำนวณดอกเบี้ยจากยอดเงินต้นทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงสิ้นสุดการผ่อนชำระ


สินเชื่อรถยนต์คิดดอกเบี้ยเหมือนสินเชื่อบ้านมั้ย

รถยนต์เป็นสินทรัพย์ประเภทใด สินเชื่อรถยนต์คิดดอกเบี้ยเหมือนสินเชื่อบ้านมั้ย ? จริง ๆ แล้วการคิดดอกเบี้ยของ สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อบ้านมีความแตกต่างกันในหลายประการ แม้ว่าทั้งสองประเภทจะมีการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเหมือนกัน แต่ลักษณะและเงื่อนไขของการคิดดอกเบี้ยจะแตกต่างกันออกไป

  • สินเชื่อบ้าน
    เป็นสินเชื่อที่มักจะมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานกว่า โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระตั้งแต่ 10 ถึง 30 ปี การคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านมักจะเป็นแบบลดต้นลดดอก (Reducing Balance) ซึ่งดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด ทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงเรื่อย ๆ ตามยอดเงินต้นที่ลดลง

    นอกจากนี้ สินเชื่อบ้านยังมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินเชื่อรถยนต์เนื่องจากระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนานและความเสี่ยงที่น้อยกว่า
  • สินเชื่อรถยนต์
    มักจะมีระยะเวลาผ่อนชำระสั้นกว่า โดยจะอยู่ในช่วง 3 ถึง 7 ปี การคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์สามารถเป็นทั้งแบบคงที่ (Flat Rate) และแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate Balance) แต่ส่วนมากจะใช้การคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นทั้งหมดตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนคงที่ตลอดการผ่อนชำระ

ความแตกต่างอีกประการหนึ่งคือ รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลงตามกาลเวลา (Depreciating Asset) ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของรถจะลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่ บ้านเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่ามักจะเพิ่มขึ้น (Appreciating Asset) หรืออย่างน้อยคงที่ ทำให้การประเมินความเสี่ยงและการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์แตกต่างกัน

แล้วลิสซิ่งกับไฟแนนซ์ต่างกันอย่างไร ? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อต้องการซื้อรถยนต์ ทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างที่สำคัญ ดังนี้

  1. กรรมสิทธิ์ในรถยนต์
    • ลิสซิ่ง : กรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทลิสซิ่ง เราเป็นเพียงผู้เช่าใช้
    • ไฟแนนซ์ : เราได้กรรมสิทธิ์ในรถทันทีที่ทำสัญญา แต่ต้องจำนองรถไว้กับสถาบันการเงิน
  2. ระยะเวลาสัญญา
    • ลิสซิ่ง : มักมีระยะเวลาสั้นกว่า ประมาณ 3-5 ปี
    • ไฟแนนซ์ : สามารถเลือกระยะเวลาผ่อนได้นานกว่า อาจถึง 7 ปี
  3. ค่าใช้จ่ายรายเดือน
    • ลิสซิ่ง : ค่าเช่ามักต่ำกว่าค่างวดของไฟแนนซ์
    • ไฟแนนซ์ : ค่างวดอาจสูงกว่า แต่เมื่อผ่อนหมดรถจะเป็นของเรา
  4. การดูแลรักษา
    • ลิสซิ่ง : บริษัทมักรวมค่าบำรุงรักษาไว้ในสัญญา
    • ไฟแนนซ์ : คุณต้องรับผิดชอบค่าซ่อมบำรุงเอง
  5. ความยืดหยุ่น
    • ลิสซิ่ง : มีข้อจำกัดเรื่องการดัดแปลงรถและระยะทางที่ขับได้
    • ไฟแนนซ์ : มีอิสระในการใช้งานและดัดแปลงรถมากกว่า
  6. เมื่อสิ้นสุดสัญญา
    • ลิสซิ่ง : เราต้องคืนรถ หรืออาจมีตัวเลือกซื้อรถในราคาที่กำหนดไว้
    • ไฟแนนซ์ : รถเป็นของเราโดยสมบูรณ์หลังผ่อนครบ

การเลือกระหว่างลิสซิ่งและไฟแนนซ์ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานะทางการเงินของแต่ละคน ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ


เตรียมตัวยังไงเมื่อต้องขอสินเชื่อรถยนต์

  1. ตรวจสอบเครดิตบูโรของตนเอง
  2. เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน สลิปเงินเดือน หลักฐานการทำงาน
  3. ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง
  4. เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายสถาบันการเงิน
  5. ศึกษาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ

เตรียมตัวยังไงก่อนขอสินเชื่อรถยนต์


สรุปบทความ

การเข้าใจประเภทต่าง ๆ ของสินเชื่อรถยนต์และวิธีการคิดดอกเบี้ยจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและเด็ดขาดเมื่อต้องการซื้อรถหรือใช้รถเป็นหลักประกันในการกู้เงิน ไม่ว่าจะเลือกสินเชื่อรถยนต์ประเภทใด สิ่งสำคัญคือการประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเองอย่างรอบคอบ

อย่าลืมว่า การกู้ยืมควรทำเท่าที่จำเป็นและสามารถชำระคืนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินในอนาคต หากคุณกำลังพิจารณาเรื่องสินเชื่อรถยนต์ ทีทีบีมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณได้ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 23.00% ต่อปี