- ช้อปออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อต้องผูกบัตรเครดิต และบัตรเดบิต
- ผูกบัตรใช้จ่ายออนไลน์ปลอดภัยหรือไม่
- เคล็ดลับผูกบัตร ช้อปออนไลน์ให้ปลอดภัย
เวลานี้การใช้จ่ายออนไลน์เป็นเรื่องปกติทั่วไป คนไทยเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินในโลกออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับธุรกิจต่าง ๆ ได้พัฒนาระบบการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ให้มีความทันสมัย ใช้งานง่ายมากกว่าในอดีต ทำให้มีอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น คือ การผูกบัตรเครดิตและผูกบัตรเดบิต เพื่อชำระสินค้าออนไลน์ แต่ทว่าช่องทางที่สะดวกสบายนี้ กลับมีมิจฉาชีพใช้ช่องโหว่เข้ามาโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวและทรัพย์สินของผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรเดบิต จึงทำให้หลาย ๆ คนมีความกังวลต่อการผูกบัตรเพื่อชำระสินค้าออนไลน์ บทความนี้ขอพาทุกคนไปเรียนรู้แนวทางการผูกบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเพื่อให้ช้อปออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย
ใช้จ่ายออนไลน์ ผูกบัตรไว้ปลอดภัยแค่ไหน
บัตรเครดิตและบัตรเดบิต คือ เครื่องมือทางการเงินที่เข้ามาอำนวยความสะดวก ทดแทนการพกเงินสดที่เสี่ยงต่อการสูญหาย ทั้งยังได้สิทธิประโยชน์มากกว่าการใช้เงินสดอีกด้วย เช่น ส่วนลดร้านค้าและบริการ เครดิตเงินคืน หรือการสะสมแต้มแลกรางวัลต่าง ๆ โดยเจ้าของบัตรหลายรายนิยมใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิต ผูกกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อชำระสินค้าและบริการแบบออนไลน์ แค่ช้อปแล้วกดจ่าย ระบบก็จะตัดเงินจากบัตรโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยกรอกข้อมูลบัตรทุกครั้งที่ใช้จ่ายออนไลน์
ในขณะที่โลกของการช้อปออนไลน์กำลังเติบโต กลับมีข่าวที่ผู้ใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตโดนมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลภายในบัตร รวมถึงทรัพย์สินจนสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของบัตร ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัด จนทำให้นักช้อปออนไลน์ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของระบบการผูกบัตรเครดิตและบัตรเดบิตออนไลน์
บัตรเครดิต บัตรเดบิต ttb
มั่นใจ ปลอดภัยยิ่งขึ้นกับการช้อปออนไลน์
ลดความเสี่ยง ป้องกันมิจฉาชีพ
แจ้งเตือนทุกรายการด้วยแอป ttb touch
คลิก ! https://www.ttbbank.com/th/ttb-touch
ความจริงแล้วการผูกบัตรเพื่อใช้จ่ายออนไลน์ ได้ถูกออกแบบมาให้ยากต่อการถูกโจรกรรมในระดับหนึ่งแล้ว เพราะการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิต ซื้อของออนไลน์ในไทยและต่างประเทศ มีระบบยืนยันตัวตนก่อนตัดเงินจากบัตรใบนั้น ๆ ด้วยการระบุหมายเลขบัตร และรหัส CVV (หมายเลข 3 หลัก ด้านหลังบัตร) วันหมดอายุของบัตร และรหัสผ่านใช้ครั้งเดียว OTP (One Time Password) ที่ได้รับทาง SMS จากเบอร์ที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของธนาคาร
เรื่องที่ต้องรู้ก่อนผูกบัตรไว้ชอปปิงออนไลน์
แม้ว่าจะสามารถผูกบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ไว้สำหรับซื้อสินค้าออนไลน์ได้เหมือนกันแต่บัตรทั้งสองประเภทนั้นมีความแตกต่างในเรื่องของการใช้งานอยู่บ้าง เนื่องจากบัตรเครดิตนั้นเมื่อใช้ชำระค่าสินค้าแล้ว ยอดชำระจะถูกเรียกเก็บตามรอบบิล ส่วนบัตรเดบิตนั้นเมื่อมีการชำระแล้วจำนวนเงินในบัญชีที่ผูกบัตรไว้จะถูกตัดออกตามยอดซื้อทันที ดังนั้นเมื่อต้องการผูกบัตรเดบิตในการซื้อของออนไลน์ เจ้าของบัตรควรตรวจสอบยอดเงินคงเหลือในบัญชีอยู่เสมอด้วย
อย่างไรก็ตามการผูกบัตรเครดิต และบัตรเดบิตเพื่อใช้ซื้อสินค้าออนไลน์นั้นมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังมี Verified จาก Visa, MasterCard และ JCB ให้อีกชั้น แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยอย่างกรณีบัตรหาย ให้รีบโทรไปแจ้งกับทางธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตรในทันที หรือทำการอายัดบัตรเดบิตด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch เพื่อป้องกันการถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ แต่หากมียอดซื้อสินค้าเกิดขึ้นโดยผู้ถือบัตรไม่ได้ซื้อเอง ให้รีบนำหลักฐานไปแจ้งความเพื่อติดตามและป้องกันความเสียหายอื่น ๆ ตามมา
ช้อปออนไลน์ปลอดภัย ผูกบัตรเครดิต ttb กับ Google Pay
ลูกค้าบัตรเครดิต ทีทีบี สามารถผูกบัตรกับ Google Pay เพื่อใช้จ่ายออนไลน์ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Wallet ผ่าน Smartphone, Tablet, Smart Watch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และนำโทรศัพท์แตะที่เครื่องรับชำระเงินในร้านค้าที่มีโลโก้การชำระเงินแบบไร้สัมผัส รองรับการผูกบัตรเครดิต ทั้ง VISA และ Mastercard
วิธีผูกบัตรเครดิต ttb กับ Google Wallet เพื่อใช้ Google Pay
- เข้า Google Play เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Wallet (ใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือระบบ Android เวอร์ชัน 5.0 ขึ้นไป)
- เข้า Google Wallet และเลือก “เพิ่มลงใน Wallet” เลือกบัตรเครดิต ttb สำหรับการชำระเงิน และเลือกบัตรเครดิตใหม่ จากนั้นกดบันทึก
- อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไข เลือกไปที่ “ยอมรับ” และยืนยันบัตร พร้อมเลือกให้เป็นบัตรเริ่มต้นการใช้งาน
- กรณีมีการยืนยันวิธีการชำระเงิน ให้เลือกวิธียืนยันจากรายการข้างต้น
- ข้อความแจ้ง ระบบได้เพิ่มบัตรของคุณแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมใช้งานร้านค้าที่รองรับ Google Pay
การผูกบัตรเครดิต ttb กับ Google Wallet ไม่เพียงแค่ได้ความสะดวก รวดเร็วในการช้อปสินค้าออนไลน์เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิประโยชน์และโปรโมชันมากมายที่ช่วยให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากขึ้นด้วย
ผูกบัตรช้อปปิ้งออนไลน์ให้ปลอดภัย มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง
อย่างที่ทราบกันดีว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตและบัตรเดบิตนั้นประสิทธิภาพสูง และมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการโจรกรรมทรัพย์สินภายในบัตร แต่การรักษาความปลอดภัยเบื้องต้นด้วยตนเอง ถือเป็นสิ่งที่เจ้าของบัตรควรศึกษาและปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็น การผูกบัตรกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและเลือกช่องทางจ่ายเงินที่เป็นทางการ การตั้งรหัสผ่านหลบหลีกกลโกงมิจฉาชีพ การตรวจเช็กรายการใช้จ่ายเป็นประจำ หรือจำกัดวงเงินใช้บัตรช้อปออนไลน์และคุมงบค่าใช้จ่าย
ผูกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต กับช่องทางที่น่าเชื่อถือ
- เว็บไซต์ที่ปลอดภัยจะขึ้นต้นด้วย https:// มีรูปกุญแจที่แสดงถึง การเชื่อมต่อ Secure Sockets Layer (SSL) หรือ TLS (Transport Layer Security) เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเมื่อคุณช้อปออนไลน์ทุกครั้งควรใช้ช่องทางจ่ายเงินด้วย PayPal เพราะมีนโยบายคุ้มครองการฉ้อโกงและการโจรกรรมออนไลน์
- ห้ามใช้ Wi-Fi สาธารณะ ในการช้อปออนไลน์ เพราะมิจฉาชีพสามารถแฮ็กระบบเข้ามาขโมยข้อมูลส่วนตัวและทรัพย์สินได้ ควรใช้ Wi-Fi ส่วนตัวของที่บ้าน หรือใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนมือถือของตัวเองดีที่สุด
ตั้งรหัสผ่านช้อปออนไลน์ ให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ
- ใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก รหัสผ่านไม่ควรเป็นหมายเลขโทรศัพท์ บ้านเลขที่ หรือวันเดือนปีเกิด เพราะเสี่ยงที่จะทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินง่ายขึ้น รหัสผ่านต้องคาดเดายาก มีอักขระอย่างน้อย 8 ตัวขึ้นไป มีทั้งตัวพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ ตัวเลข สัญลักษณ์ประกอบ และหมั่นเปลี่ยนพาสเวิร์ดบ่อย ๆ ควรเปลี่ยนรหัสผ่านทุก 3 เดือน และการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันใช้จ่ายออนไลน์ทุกช่องทางห้ามใช้รหัสผ่านเดียวกัน
- ใช้ระบบการยืนยันตัวตน 2 ขั้น (2FA) ในการทำธุรกรรมทางการเงินทุกอย่างบนสมาร์ตโฟนของคุณ ต้องใช้ระบบรักษาความปลอดภัยรูปแบบ ล็อคสองชั้น คือ 1.) มีการใส่รหัสผ่าน 2.) มีการยืนยันตัวตน การป้องกันสองอย่างควบคู่กันแบบนี้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยที่มากกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง
ตรวจสอบรายการใช้จ่ายออนไลน์เป็นประจำ
- การใช้จ่ายออนไลน์ต้องหมั่นเช็กความเคลื่อนไหว รวมถึงการเก็บหลักฐานการใช้จ่ายไว้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันมิจฉาชีพทุกรูปแบบ ถ้าคุณช้อปออนไลน์แล้วไม่ตรวจสอบค่าใช้จ่าย วันดีคืนดีอาจโดนแฮ็กก็เป็นได้ หากเจออะไรผิดสังเกตให้ติดต่อธนาคารทันที
- ควรเปิดแจ้งเตือนการทำธุรกรรมทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันของธนาคาร หรือ SMS ที่ผูกเบอร์ไว้กับธนาคาร เพราะระบบเหล่านี้จะแจ้งเตือนทันที เมื่อมีการทำธุรกรรมทางการเงินทุกรูปแบบ เช่น แอป ttb touch ที่แจ้งเตือนทุก ความเคลื่อนไหวของการทำธุรกรรมทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากการโดนมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวและทรัพย์สินในบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
จำกัดวงเงินใช้บัตรช้อปออนไลน์และคุมงบค่าใช้จ่าย
- การใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตช้อปออนไลน์แต่ละครั้ง สามารถกำหนดลิมิตตัวเลขค่าใช้จ่ายไม่ให้สูงเกินจำนวนที่ตั้งไว้ การจำกัดวงเงินแบบนี้จะช่วยให้คุณไม่เผลอใช้เงินทีเดียวเป็นจำนวนมาก ๆ หรือช่วยเตือนสติเวลาที่ช้อปออนไลน์เพลินจนยอดค่าใช้จ่ายสูงลิ่ว
- ใช้จ่ายออนไลน์อย่างมีสติ เลือกซื้อสินค้าและบริการที่จำเป็น หรือเลือกใช้จ่ายสินค้าที่มีโปรโมชันผ่อน 0% ระยะเวลาหลายเดือน การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยและมีวงเงินสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของบัตรเครดิต ttb สามารถศึกษารายละเอียดบัตรเครดิต ttb ด้วยตัวเองได้ โดยผ่านทางเว็บไซต์ของธนาคาร หรือทางแอปพลิเคชัน ttb touch สมัครด้วยตัวเองที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลามาสาขา
ผู้ถือบัตรเครดิต ttb ควร “ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี” และเพื่อไม่ให้พลาดสิทธิพิเศษที่ช่วยเซฟค่าใช้จ่าย ควรตรวจสอบเงื่อนไขและระยะเวลาในการร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางของธนาคาร เช่น เว็บไซต์ของธนาคาร หรือสอบถามที่ ttb contact center 1428