การติดหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเงิน แต่ยังส่งผลกระทบต่อเราในหลายด้าน ทั้งด้านการเงิน ความน่าเชื่อถือ และความกดดันทางจิตใจ ซึ่งหากเราไม่จัดการอย่างถูกต้อง หนี้บัตรเครดิตอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้สถานะทางการเงินแย่ลง เสี่ยงต่อการเสียประวัติการเงิน ถูกทวงถามบ่อย ๆ และอาจถึงขั้นถูกฟ้องร้องได้
ติดหนี้บัตรเครดิตส่งผลต่อตัวเราอย่างไร
การติดหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันส่งผลกระทบต่อชีวิตเราในหลาย ๆ ด้าน ลองมาดูกันว่าผลกระทบมีอะไรบ้าง
เสียประวัติ
การเป็นหนี้บัตรเครดิตและไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด ข้อมูลนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิตของเรา ในฐานข้อมูลเครดิตแห่งชาติจำกัด หรือที่รู้จักกันว่า “เครดิตบูโร” ซึ่งจะทำให้คะแนนเครดิตของเราลดลง ส่งผลต่อโอกาสในการพิจารณาขอสินเชื่อในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคลหรือสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ด้วย
ถูกทวงถามบ่อย ๆ
เมื่อเราเป็นหนี้บัตรเครดิตและไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด เราอาจถูกติดต่อจากฝ่ายทวงหนี้ของธนาคารหรือบริษัทที่รับจ้างทวงหนี้บ่อยขึ้น ซึ่งไม่เพียงสร้างความเครียดเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย โดยทั่วไป กระบวนการทวงถามหนี้มักเริ่มต้นดังนี้
- โทรศัพท์ติดตามทวงถาม เจ้าหนี้จะโทรมาเตือนให้ชำระหนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลายครั้งต่อวัน
- ส่งจดหมายทวงถาม หากไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ เจ้าหนี้อาจส่งจดหมายเตือนให้ชำระหนี้
- ติดต่อผ่านที่ทำงานหรือคนรู้จัก ในบางกรณี เจ้าหนี้อาจพยายามติดต่อผ่านที่ทำงานหรือคนใกล้ชิดของเรา ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และอาจสร้างความกังวลและความเครียดให้แก่บุคคลรอบตัว รวมถึงตัวเราได้
ทั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองลูกหนี้จากการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้น หากเรารู้สึกว่าถูกคุกคามหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม สามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
ถูกฟ้องร้องจากสถาบันการเงิน
หากมีหนี้บัตรเครดิตเป็นจำนวนมากและไม่ชำระเป็นเวลานาน สถาบันการเงินอาจดำเนินการฟ้องร้องได้ ซึ่งโดยทั่วไป หากไม่ชำระหนี้บัตรเครดิตเป็นเวลา 3-6 เดือนขึ้นไป และมียอดหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป ธนาคารอาจพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย
วิธีรับมือกับหนี้บัตรเครดิตใช้ชีวิตไม่ติดขัด
แม้ว่าการติดหนี้บัตรเครดิตจะเป็นปัญหาใหญ่ แต่ก็มีวิธีจัดการได้ ลองมาดูวิธีรับมือกับหนี้บัตรเครดิตที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไม่ติดขัด
1. เจรจาประนอมหนี้
หากเราติดหนี้บัตรเครดิตและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อย่าเพิ่งหนีปัญหา ลองติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อขอเจรจาประนอมหนี้ โดยการขอปรับลดดอกเบี้ย หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ เพื่อให้เราสามารถจ่ายได้ตามความสามารถ
2. ทยอยจ่ายหนี้ให้เร็วที่สุด
การทยอยจ่ายหนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดภาระหนี้สิน หากเรามีรายได้พิเศษหรือเงินออมอยู่ ควรนำเงินนั้นมาชำระหนี้เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยสะสมมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการเสียประวัติการเงิน และที่สำคัญพยายามจ่ายมากกว่าขั้นต่ำทุกเดือนเท่าที่จะทำได้ เริ่มจากบัตรที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน วิธีนี้จะช่วยลดยอดหนี้และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาว
3. รวมหนี้บัตรเครดิต
อีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพเมื่อรู้สึกสภาพคล่องขาดมือ จ่ายค่างวดขั้นต่ำมาหลายเดือนติดต่อกัน คือการรวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบเข้าด้วยกัน เพื่อให้คุณสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น และอาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากบริการโอนยอดหนี้ ของธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้เราจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น
ทีทีบี เรามีสินเชื่อรวมหนี้ เพียงแค่สมัครบัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช รวมหนี้จากสถานบันการเงินอื่นมาอยู่ที่ ทีทีบี อัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้นเพียง 13% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืนสูงสุด 99 เดือน เดือนที่ 100 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
สรุปเกี่ยวกับการบริหารหนี้บัตรเครดิต
การเป็นหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องที่ต้องสิ้นหวัง หากเรารู้จักวิธีจัดการที่ถูกต้อง การเจรจาประนอมหนี้ ทยอยจ่ายหนี้ และการรวมหนี้บัตรเครดิต ล้วนเป็นวิธีที่สามารถช่วยให้เรากลับมาควบคุมสถานการณ์ทางการเงินได้
หากคุณกำลังมองหาทางออกในการจัดการหนี้บัตรเครดิต ทีทีบี มีโซลูชันที่อาจช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการรวมหนี้ หรือสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาและหาทางออกที่เหมาะกับคุณ
***กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี