- ตัวอย่างเหตุการณ์โกงออนไลน์
- วิธีตรวจสอบและป้องกันก่อนช้อปปิ้งออนไลน์
- หากถูกโกงแล้วควรทำอย่างไร
ช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเราไปแล้ว และดูเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ต้องเสียรู้ กับการช้อปปิ้งออนไลน์แล้วแม่ค้าปิดร้านหนี หรือเงียบหายไป ไม่อ่าน ไม่ตอบกลับข้อความ โอนเงินจ่ายค่าสินค้าไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับของ
ตัวอย่างเหตุการณ์โกงออนไลน์
ข้อมูลจากเว็บไซต์ ETDA สำนักพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้เปิดเผยว่า ปัญหาการสั่งซื้อสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้าเป็นกลโกงออนไลน์อันดับ 1 มีสถิติสูงถึง 45% จากกรณีที่เป็นข่าวดังคือ แม่ค้าออนไลน์ได้หลอกขายโทรศัพท์มือถือทางโซเชียลมีเดีย ด้วยการโพสต์ภาพลงขายในอินสตาแกรม ตั้งราคาที่ถูกกว่าร้านอื่น ๆ พร้อมกับสร้างรีวิวปลอมจนน่าเชื่อถือ และมีเหยื่อถูกหลอกเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือนักเรียนหญิงอายุ 14 ปี ที่ตั้งใจสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อมาเรียนหนังสือออนไลน์ แต่เมื่อชำระเงินไป ไม่ได้รับของ และพบว่าถูกหลอกทำให้เกิดเป็นความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิตลง นั่นเอง
แม้ว่าจะมีกฎหมาย และบทลงโทษกับมิจฉาชีพออนไลน์เหล่านี้ แต่รูปแบบการโกงที่ว่าจ่ายเงินแล้ว ไม่ได้ของก็ยังมีให้พบเห็นได้บ่อยครั้ง มาดูวิธีการเตรียมพร้อม และรับมือกันครับ
วิธีตรวจสอบและป้องกันก่อนช้อปปิ้งออนไลน์
ก่อนซื้อสินค้าออนไลน์ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด ด้วยเช็กลิสต์ต่อไปนี้
สั่งผ่านเว็บไซต์ หรือร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ
ขั้นตอนแรกของการสั่งสินค้าที่ไม่ควรมองข้ามก่อนสั่งซื้อสินค้า ควรเลือกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ สามารถพิจารณาได้จากยอดผู้ติดตาม จำนวนการตอบของผู้ขาย รีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง หรือสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์อย่างเป็นทางการ เป็นต้น
ตรวจสอบเลขบัญชีและชื่อผู้รับโอน
ว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น ตรวจสอบจาก www.blacklistseller.com หรือเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ให้บริการตรวจสอบรายชื่อแม่ค้าออนไลน์ เป็นต้น
มีนโยบายขอคืนเงิน
การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ค่อนข้างปลอดภัย เพราะมีระบบคนกลางคอยเก็บรักษาเงินไว้ให้ จึงสามารถทำการขอคืนเงินผ่านระบบ ภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ หากไม่ได้รับสินค้า
มีเงื่อนไขการรับประกันสินค้า
สิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม คือการตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้า หรือบริการหลังการขาย ควรมีการระบุไว้ให้ชัดเจน
เป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย
ช้อปปิ้งออนไลน์สินค้าที่ถูกกฎหมาย ถูกลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ของต้องห้าม หรือสิ่งเสพติด เป็นต้น
หากถูกโกงแล้วควรทำอย่างไร
เมื่อมั่นใจแล้วว่าถูกโกงแน่นอน ไม่ใช่แค่สินค้าจัดส่งล่าช้า ให้ตั้งสติก่อน แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
หากจ่ายผ่านบัตรเครดิต ให้แจ้งธนาคารเพื่อยกเลิก
ให้แจ้งไปยังธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อทำการยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายดังกล่าวภายใน 30 วันนับจากวันที่ครบกำหนดว่าต้องส่งสินค้าให้ แต่หากร้านค้าไม่ได้กำหนดวันที่ในการส่งของ สามารถแจ้งปฏิเสธการชำระเงินกับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตของคุณได้เลย
หากจ่ายผ่านการโอนเงิน แจ้งความดำเนินคดี
หากเป็นการชำระเงินด้วยการโอนผ่านธนาคาร จะไม่สามารถทำการยกเลิกได้ ดังนั้นให้คุณแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงกับผู้ขาย และเจ้าของบัญชีที่รับชำระค่าสินค้า ดังนี้
- ยื่นเอกสารการโอนเงินที่ธนาคารปลายทางที่รับชำระเงินเพื่ออายัติบัญชี
- นำหลักฐานต่อไปนี้แจ้งความที่สถานีตำรวจ
- ข้อมูลชื่อ ที่อยู่ผู้ขาย
- ชื่อร้านค้า
- เลขที่บัญชีธนาคาร
- ข้อมูลการโอนเงิน
- ประวัติการสนทนาซื้อขายสินค้า
แม้ว่าจะถูกใจสินค้านั้นมากแค่ไหน ก็ต้องชั่งใจสักนิด ทำการตรวจสอบตามขั้นตอนต่าง ๆ ว่าน่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ แต่หากระวังแล้วก็ยังไม่วายต้องโดนมิจฉาชีพออนไลน์เล่นงานเข้าให้ ก็ควรดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง และไม่ไปกระทำผิดกับใครอีกครับ
ข้อมูลจาก
- เว็บไซต์ anti fake news center
- เว็บไซต์ wongnai
- เว็บไซต์ tcsd.go.th
- เว็บไซต์ ETDA
Sources
- https://www.antifakenewscenter.com/คลังความรู้/ซื้อของออนไลน์แล้วไม่ได้ของต้องทำอย่างไร/
- https://www.wongnai.com/articles/online-shopping-fraud
- https://tcsd.go.th/6-วิธีป้องกันการถูกหลอก/
- https://www.wongnai.com/articles/website-to-check-the-names-of-scammers-online
- https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/1212-OCC-Reveals-10-Online-Frauds.aspx