เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า เมื่อทำการขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์ใหม่ สิ่งที่ตามมาก็คือ ภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระสินเชื่อจนกว่าจะครบสัญญา ทำให้หลายคนมองหาวิธีที่จะช่วยลดภาระค่าผ่อนรถในแต่ละเดือนให้น้อยลงได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมก็คือ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลงนั่นเอง
แน่นอนว่าในบทความนี้ ttb DRIVE จะพาคุณมาทำความรู้จักกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดภาระค่างวดในแต่ละเดือน และช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การย้ายไฟแนนซ์รถยนต์จากที่เดิมไปยังสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่ให้เงื่อนไขดีกว่า เพื่อนำเงินก้อนใหม่มาปิดยอดหนี้เดิม และเริ่มผ่อนชำระกับสถาบันการเงินใหม่ภายใต้เงื่อนไขที่ดีขึ้น เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือระยะเวลาการผ่อนชำระที่ยาวขึ้น เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ภาระการผ่อนต่อเดือนลดลง
ข้อดีของการย้ายไฟแนนซ์รถยนต์มีอะไรบ้าง?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดนั้นมีข้อดีมากมาย ที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการการเงินได้ดีขึ้น ดังนี้
- ลดอัตราดอกเบี้ย
การย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสัญญาเดิม ทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลงตามไปด้วย เช่น หากเดิมผ่อนรถด้วยอัตราดอกเบี้ย 12% ผ่อนนาน 72 เดือน ยอดผ่อนชำระต่อเดือน 15,000 บาท หากรีไฟแนนซ์รถด้วยอัตราดอกเบี้ย 6% ผ่อนนาน 72 เดือน ยอดผ่อนชำระต่อเดือนจะลดลงเหลือ 11,500 บาท
ซึ่งจะทำให้คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3,500 บาทต่อเดือน หรือ 252,000 บาทตลอดระยะเวลาการผ่อน ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การรีไฟแนนซ์รถดอกเบี้ยถูกนับว่าเป็นวิธีที่ช่วยลดภาระทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ
อีกหนึ่งข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์คือการยืดระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือนให้น้อยลง ทำให้คุณมีเงินเหลือใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งนี้ก็อย่าลืมว่า การผ่อนนานขึ้นอาจทำให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงควรทำความเข้ารายละเอียดและเงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินให้ละเอียดรอบคอบ
- นำเงินส่วนต่างไปหมุนเวียนใช้จ่ายได้
ในการรีไฟแนนซ์รถยนต์ บางครั้งคุณอาจจะได้รับวงเงินสินเชื่อมากกว่ายอดหนี้คงเหลือ ทำให้มีเงินส่วนต่างที่สามารถนำไปใช้จ่ายหรือลงทุนในสิ่งอื่น ๆ ได้ เช่น ชำระหนี้บัตรเครดิต ปรับปรุงบ้าน เก็บไว้เป็นเงินออม หรือนำไปใช้ลดยอดผ่อนชำระต่อเดือน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้กับคุณได้มากขึ้น
ใครบ้างที่ควรรีไฟแนนซ์รถให้ผ่อนน้อยลง?
- ผู้ที่มีภาระค่าผ่อนรถต่อเดือนค่อนข้างสูง จนส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน
- ผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระค่างวด
- ผู้ที่ไม่พอใจกับเงื่อนไขเดิมและต้องการเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระ
ผ่อนรถกี่งวดถึงจะรีไฟแนนซ์ได้?
โดยทั่วไป การรีไฟแนนซ์รถยนต์จะทำได้เมื่อคุณผ่อนชำระมาแล้วอย่างน้อย 50-70% ของยอดจัดทั้งหมด หรือผ่อนมาแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของสัญญา เช่น หากสัญญาเดิมผ่อน 60 เดือน คุณควรผ่อนมาแล้วอย่างน้อย 30 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขนี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน ดังนั้นควรสอบถามรายละเอียดโดยตรงกับผู้ให้บริการสินเชื่อ
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลง
เมื่อได้ทำความรู้จักการรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลงกันไปแล้ว ก็ต้องมาทำความรู้จักขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวและดำเนินการตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น โดยขั้นตอนการรีไฟแนนซ์มีดังนี้
1. ตรวจสอบเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์รถยนต์
ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรศึกษาเงื่อนไขของสถาบันการเงินใหม่อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ กับสัญญาเดิม รวมถึงลองคำนวณดูว่า ถ้านำดอกเบี้ยคงเหลือจากสินเชื่อเดิม มาหักค่าส่วนต่างกับดอกเบี้ยจากการกู้ใหม่จะคุ้มค่าหรือไม่
อีกทั้งยังควรตรวจสอบด้วยว่า มีค่าปรับจากการปิดสัญญาก่อนกำหนดกับสถาบันการเงินเดิมหรือไม่ เสียเป็นเงินเท่าไหร่ เพื่อคำนวณความคุ้มค่าในการรีไฟแนนซ์ได้อย่างถูกต้อง
2. เช็กความสามารถในการผ่อน
นอกจากการพิจารณาเงื่อนไขที่คุ้มค่าแล้ว ก็ควรจะมีการประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเองอย่างรอบคอบ โดยคำนวณรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน และพิจารณาว่าค่างวดใหม่หลังรีไฟแนนซ์จะเหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณหรือไม่ สำหรับคนที่ไม่มั่นใจในการคำนวณด้วยตัวเอง ก็สามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ให้ช่วยคำนวณค่างวดในเบื้องต้นได้ด้วยเช่นกัน
3. เตรียมเอกสารในการเปลี่ยนไฟแนนซ์ให้พร้อม
เมื่อพิจารณาทั้ง 2 ข้อข้างต้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ได้เวลาของการเตรียมเอกสารสำคัญในการขอรีไฟแนนซ์ให้ครบถ้วน เพื่อให้กระบวนการรีไฟแนนซ์เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่ที่ต้องเตรียม ก็จะเป็นเอกสารที่คล้ายคลึงกับการขอสินเชื่อซื้อรถใหม่เกือบทั้งหมด โดยเอกสารที่ต้องเตรียมในการรีไฟแนนซ์มีดังนี้
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- สลิปเงินเดือน
- สมุดเงินฝากธนาคาร
4. ปิดบัญชีที่เก่าแล้วส่งเล่มให้ที่ใหม่
เมื่อได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินใหม่ และได้วงเงินหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่พึงพอใจ ให้ดำเนินการปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเดิม โดยสถาบันการเงินใหม่จะเป็นผู้ชำระยอดคงเหลือให้กับสถาบันการเงินเดิม จากนั้นคุณจะได้รับเล่มทะเบียนรถคืน ซึ่งต้องนำไปส่งมอบให้กับสถาบันการเงินใหม่โดยเร็วที่สุด
5. เริ่มผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ที่ใหม่
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการรีไฟแนนซ์ คุณจะเริ่มผ่อนชำระกับสถาบันการเงินใหม่ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ในระหว่างนี้ก็อย่าลืมวางแผนการชำระเงินให้ตรงเวลาเพื่อรักษาประวัติเครดิตที่ดี และหากมีเงินเหลือจากการลดค่างวด ควรนำไปออมหรือลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
สรุปบทความ
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดภาระค่าผ่อนรถ ช่วยให้คุณมีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้น และบริหารจัดการการเงินได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ละเอียด และประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเองอย่างถี่ถ้วน
สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่ต้องรีไฟแนนซ์ให้ผ่อนน้อยลง และลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทีทีบีไดรฟ์ มีบริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ttb ที่ตอบโจทย์สำหรับรถที่ยังผ่อนอยู่ อีกทั้งยังมีเงื่อนไขที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น
- รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวใน 30 นาที
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน หรือ 3.18% ต่อปี
- วงเงินสินเชื่อสูงสุด 100%
- ผ่อนสบายสูงสุด 84 เดือน
- เลือกผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด หรือวางแผนโปะ ปิดบัญชีก่อนกำหนดได้
- ลูกค้าทีทีบีไดรฟ์สมัครง่าย ใช้บัตรประชาชนใบเดียว
- รถปลอดภาระแล้ว หรือรถผ่อนอยู่ก็กู้ได้
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 23.00% ต่อปี