คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมยอดหนี้ของคุณถึงไม่ลดลงสักที ทั้ง ๆ ที่ผ่อนชำระมาหลายงวดแล้ว? หรือเคยรู้สึกสับสนกับตัวเลขดอกเบี้ยที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด? ถ้าเคย ขอบอกว่าไม่ใช่แค่คุณคนเดียว เพราะจากสถิติพบว่า 7 ใน 10 คนไม่เข้าใจวิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้อย่างถ่องแท้ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจทางการเงินที่ผิดพลาดได้
ไม่ต้องกังวล! เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจวิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ทั้งดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองกัน
ดอกเบี้ยเงินกู้มีกี่ประเภท
ก่อนที่เราจะสมัครสินเชื่อและเรียนรู้วิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้นั้น เรามาทำความเข้าใจกับประเภทของดอกเบี้ยกันก่อน โดยทั่วไปแล้ว ดอกเบี้ยเงินกู้มี 2 ประเภทหลัก คือ ดอกเบี้ยคงที่ และ ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการคำนวณที่แตกต่างกันออกไป
ดอกเบี้ยคงที่
ดอกเบี้ยคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาการกู้ยืม ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร อัตราดอกเบี้ยที่เราตกลงไว้ตอนแรกจะยังคงเหมือนเดิม ซึ่งจะทำให้เราสามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระได้อย่างแม่นยำ
วิธีคิดดอกเบี้ยคงที่
การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ จากดอกเบี้ยคงที่นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา โดยมีสูตรดังนี้
ดอกเบี้ย = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลากู้ (ปี)
ตัวอย่างเช่น : หากเราสมัครสินเชื่อจำนวน 100,000 บาท ที่อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย = 100,000 x 15% x 2 = 30,000 บาท
ดังนั้น เมื่อครบกำหนด 2 ปี เราจะต้องจ่ายเงินทั้งหมด 130,000 บาท (เงินต้น 100,000 บาท + ดอกเบี้ย 30,000 บาท)
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก คือ วิธีการคิดดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นที่เหลืออยู่ในแต่ละงวด ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะลดลงตามจำนวนเงินต้นที่ลดลงไป การใช้ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกมักจะทำให้คุณจ่ายดอกเบี้ยรวมที่น้อยกว่าการคิดแบบดอกเบี้ยคงที่ เนื่องจากดอกเบี้ยจะคำนวณจากยอดเงินต้นที่ลดลงทุกเดือน
วิธีคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
การคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอกมีความซับซ้อนมากกว่าดอกเบี้ยคงที่ แต่โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้
- คำนวณยอดผ่อนชำระต่องวด
- คำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือ
- นำยอดผ่อนชำระหักด้วยดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือคือเงินต้นที่ลดลง
- ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-3 สำหรับงวดถัดไป
ตัวอย่างเช่น หากเรากู้เงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี ระยะเวลา 12 เดือน
ยอดผ่อนชำระต่อเดือน = 9,110 บาท (คำนวณโดยใช้สูตรทางการเงิน)
เดือนที่ 1
- ดอกเบี้ย = (100,000 x 15%) / 12 = 1,250 บาท
- เงินต้นที่ลดลง = 9,110 - 1,250 = 7,860 บาท
- เงินต้นคงเหลือ = 100,000 - 7,860 = 92,140 บาท
เดือนที่ 2
- ดอกเบี้ย = (92,140 x 15%) / 12 = 1,152 บาท
- เงินต้นที่ลดลง = 9,110 - 1,152 = 7,958 บาท
- เงินต้นคงเหลือ = 92,140 - 7,958 = 84,182 บาท
และทำเช่นนี้ต่อไปจนครบ 12 เดือน
ดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลดต้นลดดอกต่างกันยังไง
- วิธีการคำนวณ : ดอกเบี้ยคงที่คำนวณจากเงินต้นเริ่มต้นตลอดอายุสัญญา ในขณะที่ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกคำนวณจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด
- ยอดผ่อนชำระ : ดอกเบี้ยคงที่มักมียอดผ่อนชำระที่เท่ากันทุกงวด ส่วนดอกเบี้ยลดต้นลดดอกอาจมียอดผ่อนชำระที่เท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสินเชื่อ
- ดอกเบี้ยรวม : โดยทั่วไป การคิดแบบดอกเบี้ยลดต้นลดดอกจะทำให้ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยรวมน้อยกว่าแบบดอกเบี้ยคงที่ หากระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ยเท่ากัน
- ความเหมาะสม : ดอกเบี้ยคงที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความแน่นอนในการวางแผนค่าใช้จ่าย ส่วนดอกเบี้ยลดต้นลดดอกเหมาะกับผู้ที่ต้องการจ่ายดอกเบี้ยรวมที่น้อยกว่า
สรุปเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยเงินกู้
การเข้าใจการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งแบบดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก จะช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบและเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของเราได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการวางแผนการเงินที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่การเลือกสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองด้วย
ทีทีบีเข้าใจถึงความสำคัญของการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่เหมาะสม เราจึงมีทั้งสินเชื่อแบบดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ให้คุณเลือกตามความเหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ พร้อมบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนการเงินฟรี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสินเชื่อได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ
การขอ สินเชื่อส่วนบุคคล กับ ทีทีบี ทำได้ง่ายและสะดวก ผ่านช่องทางออนไลน์หรือสาขาทั่วประเทศ พร้อมรับการอนุมัติที่รวดเร็วและบริการที่ใส่ใจทุกความต้องการของคุณ
อย่างไรก็ตาม เราขอเน้นย้ำว่า "กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว" เป็นหลักการสำคัญในการใช้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยทีทีบีมีอัตราดอกเบี้ย 17% - 25% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อและคุณสมบัติของผู้กู้