external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

7 อาการโทรศัพท์พัง อาการแบบนี้ ซ่อมหรือซื้อใหม่ดีกว่ากัน

#fintips #เคล็ดลับการเงิน #โทรศัพท์พัง #บัตรกดเงินสดแฟลช #ttbflash
12 ก.พ. 2568

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสิ่งขอที่งสำคัญมาก ๆ ดังนั้นเมื่อโทรศัพท์พังกะทันหัน ชีวิตเราก็เหมือนหยุดชะงัก ทั้งการเช็คอีเมลงาน การประชุมออนไลน์ การโอนเงินจ่ายบิล การเรียกแกร็บหรือแม้แต่การสั่งอาหารก็ทำได้ยาก ทุกวันนี้แทบทุกกิจกรรมในชีวิตล้วนต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน เมื่อเกิดปัญหาโทรศัพท์พังขึ้นมา จึงเป็นเรื่องฉุกเฉินที่ต้องรีบแก้ไข เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งกระทบต่อทั้งเรื่องงานและการใช้ชีวิตประจำวัน วันนี้ fin tips by ttb จะพามาดูกันว่าอาการโทรศัพท์พังแบบไหนที่พอซ่อมได้ และแบบไหนที่ควรตัดใจซื้อเครื่องใหม่จะดีกว่า ใบทความนี้กัน


7 อาการโทรศัพท์พัง มีอะไรบ้าง

เมื่อโทรศัพท์พังอย่างกะทันหัน สิ่งแรกที่ควรทำ คือประเมินอาการและความรุนแรงของปัญหา เพราะบางอาการสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แต่บางอาการก็จำเป็นต้องใช้เงินก้อนในการซ่อมหรือซื้อเครื่องใหม่เลย มาดูกัน 7 อาการที่พบบ่อยที่สุด พร้อมแนวทางการแก้ไขและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมที่สุดกัน ดังนี้

1. แบตเตอรี่เสื่อม

ปัญหาที่หลายคนมักเจอและส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างมาก โดยเฉพาะในยามฉุกเฉินที่ต้องการใช้โทรศัพท์ อาการโทรศัพท์พังเพราะแบตเตอรี่เสื่อมมักพบได้หลายรูปแบบ ทั้งชาร์จไม่เข้า ชาร์จนานแต่เปอร์เซ็นต์ไม่ขึ้นหรือแบตหมดเร็วผิดปกติ โดยค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่อยู่ที่ประมาณ 1,000 - 3,500 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ แต่หากพบว่าแบตบวมร่วมด้วย ควรรีบนำไปเปลี่ยนทันที เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ เช่น แบตเตอรี่อาจระเบิด เกิดไฟลุกไหม้ขณะชาร์จ หรือทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหายจนใช้งานไม่ได้ ซึ่งมักเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าโทรศัพท์ของคุณอาจถึงอายุขัยแล้ว และควรพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่เพื่อความปลอดภัย

โทรศัพท์ชาร์จไม่เข้า

2. โทรศัพท์ตกน้ำ

โทรศัพท์ตกน้ำ มักเป็นสถานการณ์ที่เกิดโดยไม่คาดคิด ทั้งนี้หากปล่อยไว้นาน น้ำยิ่งแทรกซึมเข้าสู่วงจรภายในโทรศัพท์ ความเสียหายก็ยิ่งรุนแรงและค่าซ่อมก็จะยิ่งสูงขึ้น ค่าซ่อมจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 บาท ไปจนถึง 15,000 บาทได้เลยทีเดียว ทั้งนี้ หากโทรศัพท์ของคุณตกน้ำไปแล้ว อย่าพยายามเปิดเครื่องหรือชาร์จแบตเด็ดขาดหากยังไม่แน่ใจว่าเครื่องแห้งสนิท เพราะอาจทำให้เกิดการช็อตและเสียหายหนักกว่าเดิมได้

3. Touch Screen ไม่ได้ำ

หนึ่งในอาการโทรศัพท์พังที่สร้างความกังวลเพราะทำให้ใช้งานแทบไม่ได้เลย ไม่ว่าจะสไลด์ กดหรือพิมพ์ข้อความ ยิ่งคุณใช้โทรศัพท์ในการทำงาน เช่น คนขับรถส่งอาหาร ฯลฯ ที่จำเป็นต้องสื่อสารกับลูกค้าก็จะยิ่งทำให้หงุดหงิด และสูญเสียรายได้ หากโทรศัพท์ใช้งานไม่ได้แบบนี้ ซึ่งค่าซ่อมหน้าจอทัชสกรีนจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 7,000 บาท หากเป็นเพียงปัญหาซอฟต์แวร์อาจแก้ได้ด้วยการรีสตาร์ทเครื่อง แต่ถ้าเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระแทก อาจต้องเปลี่ยนหน้าจอใหม่ทั้งชุดเลย

4. ลำโพงไม่ดังำ

อาการโทรศัพท์พังที่อาจดูไม่ร้ายแรง แต่สร้างปัญหาใหญ่เมื่อต้องรับสายด่วน หรือประชุมออนไลน์ ค่าซ่อมลำโพงอยู่ที่ประมาณ 1,500 - 3,000 บาท หากเป็นเพียงฝุ่นอุดตัน การทำความสะอาดอาจช่วยได้ แต่ถ้าลำโพงเสียจากการตกกระแทกหรือโดนน้ำ อาจต้องเปลี่ยนชุดลำโพงใหม่ทั้งหมด ซึ่งบางรุ่นอาจต้องเปลี่ยนพร้อมกับไมโครโฟนด้วย ยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างบานปลายเข้าไปใหญ่

5. โทรศัพท์ค้าง ใช้แอปพลิเคชันไม่ได้ำ

ปัญหาที่สร้างความหงุดหงิดและเสียเวลาอีกหนึ่งกรณี โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานด่วน เช่น เช็กเมล ทำธุรกรรมการเงินหรือส่งงานสำคัญ โดยในกรณีนี้ ค่าซ่อมจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท หากต้องเพิ่ม RAM หรือความเร็วเครื่อง เพื่อให้สามารถทำงานได้ปกติ ราคาอาจสูงถึง 8,000 - 15,000 บาทเลยทีเดียว แต่สามารถแก้ไขได้เบื้องต้นด้วยการล้างเครื่องและเคลียร์พื้นที่ ทั้งนี้ หากปัญหาเกิดจากฮาร์ดแวร์ อาจจำเป็นต้องพิจารณาเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่จริง ๆ

6. กล้องพังำ

ในยุคที่การถ่ายภาพและวิดีโอกลายเป็นส่วนสำคัญของการทำงานและการสื่อสาร การมีกล้องที่พังหรือภาพไม่คมชัดอาจส่งผลกระทบร้ายแรง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้งานเพื่อการประชุมออนไลน์หรือถ่ายงาน ค่าซ่อมกล้องอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 6,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเสียหายและรุ่นของโทรศัพท์ หากเลนส์แตกหรือเซ็นเซอร์เสีย อาจต้องเปลี่ยนชุดกล้องใหม่ทั้งหมด

7. โทรศัพท์หล่น หน้าจอแตกำ

อุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุดและมักเกิดในจังหวะที่ไม่คาดคิด โทรศัพท์พังจากการตกกระแทกอาจทำให้หน้าจอแตกร้าว ใช้งานลำบากหรือบาดนิ้วได้ ค่าเปลี่ยนหน้าจอประมาณ 3,000 - 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและคุณภาพของอะไหล่ การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ซ่อมอาจทำให้ความเสียหายลุกลามไปยังส่วนอื่น และอาจต้องเสียค่าซ่อมแพงกว่าเดิมอีกแน่นอน

โทรศัพท์หน้าจอแตก


โทรศัพท์พังแบบนี้ ควรซ่อมหรือซื้อใหม่ดี

เมื่อโทรศัพท์พังอย่างกะทันหัน การตัดสินใจระหว่างการซ่อมหรือซื้อใหม่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรวดเร็วแต่รอบคอบ เพราะอาจมีผลต่อค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายและการใช้งานในระยะยาว มาดูเกณฑ์ในการตัดสินใจที่จะช่วยให้คุณเลือกทางออกที่ดีที่สุด ดังนี้

1. โทรศัพท์ไม่สามารถซ่อมได้แล้ว

เมื่อโทรศัพท์พังจนถึงขั้นที่ช่างประเมินว่าซ่อมไม่คุ้ม เช่น เมนบอร์ดเสียหายรุนแรง น้ำเข้าจนวงจรช็อตหรือเสียหายหลายจุดพร้อมกัน การลงทุนซื้อเครื่องใหม่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะแม้จะซ่อมได้ แต่ประสิทธิภาพการทำงานอาจไม่เหมือนเดิม และมีโอกาสเสียซ้ำได้ในอนาคต โดยเฉพาะหากเป็นเครื่องที่ใช้งานมานานกว่า 2 - 3 ปีแล้ว

2. ราคาซ่อมแพง

หากค่าซ่อมสูงเกิน 50% ของราคาโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่มีสเปคใกล้เคียงกัน การซื้อเครื่องใหม่อาจคุ้มค่ากว่า เพราะได้ประกันใหม่ แบตเตอรี่ใหม่และฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า อีกทั้งปัจจุบันมีโปรโมชั่นผ่อนชำระจากหลายหลายสถาบันการเงินที่จะทำให้คุณสามารถพิจารณาซื้อโทรศัพท์ในยามฉุกเฉินแบบนี้ได้

บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช

บัตรกดเงินสดแฟลช จากทีทีบี มีบริการผ่อนชำระสินค้า 0% ได้นานสูงสุดถึง 36 เดือน และสามารถดูข้อมูลโปรโมชันได้ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการได้เลย

  • สมัครได้ง่าย ๆ ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ เว็บไซต์ ttb แอป touch และที่ ttb ทุกสาขาทั่วประเทศ
  • อนุมัติไว ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี
  • ไม่ต้องนำเงินเก็บมาใช้ สามารถขอวงเงินสำรอง เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และวางแผนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้


สรุปบทความ

เมื่อโทรศัพท์พังกะทันหัน ไม่ว่าจะเลือกซ่อมหรือซื้อใหม่ ล้วนต้องใช้เงินก้อนที่อาจไม่ได้เตรียมไว้ บัตรกดเงินสดแฟลช สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีในยามฉุกเฉิน ด้วยวงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ และสิทธิพิเศษมากมาย เช่น ผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือนที่ร้านค้าชั้นนำ ทั้ง Power Buy, Banana IT หรือ Studio 7 ให้คุณได้เลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้ในยามเร่งด่วน หรือจะใช้วงเงินในบัตรสำหรับค่าซ่อมก็ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อยากให้คุณทราบว่าก่อนตัดสินใจผ่อนสินค้า ควรพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือนให้ดี และศึกษาเงื่อนไขการผ่อนชำระให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี เงื่อนไขการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด