การโอนเล่มรถยนต์เป็นขั้นตอนสำคัญเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของรถ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การให้ หรือการรับมรดก ซึ่งการดำเนินการอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันปัญหาทางกฎหมายและความรับผิดชอบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงช่วยให้การดำเนินการขอสินเชื่อรถแลกเงินเป็นไปอย่างราบรื่น
เพราะการโอนเล่มรถยนต์ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของใหม่ จะเป็นการยืนยันสิทธิ์ของเจ้าของใหม่ในการครอบครองและใช้งานรถอย่างถูกต้อง นอกจากนี้หากในอนาคตเกิดเหตุจำเป็นหรือเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ต้องใช้เงินก้อน และต้องกู้ขอสินเชื่อรถยนต์ก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปโอนเล่มทะเบียนหรือเตรียมเอกสารมอบอำนาจ
บทความนี้ ttb DRIVE ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์มาแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการโอนรถ ค่าธรรมเนียม และเอกสารโอนรถที่ต้องเตรียมให้พร้อม เพื่อให้คุณสามารถเตรียมความพร้อมและดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น
การโอนเล่มรถยนต์คืออะไร?
การโอนเล่มรถยนต์ หรือการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของรถในทะเบียนรถยนต์จากเจ้าของคนเดิมเป็นเจ้าของคนปัจจุบัน เมื่อมีการซื้อขาย ยกให้ หรือรับมรดกรถยนต์ หากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้อง และมีการนำรถยนต์ไปใช้ในทางผิดกฎหมายจนมีคดีความ เจ้าของรถคนเก่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ การโอนเล่มรถยนต์ยังเป็นการยืนยันสิทธิ์ของเจ้าของใหม่ในการครอบครองและใช้งานรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เมื่อต้องการขอสินเชื่อหรือซื้อประกันรถยนต์ก็จะสามารถดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปโอนเล่มรถยนต์ หรือทำหนังสือมอบอำนาจ
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์มีกี่แบบ
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์สามารถทำได้ 2 แบบ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อควรระวังแตกต่างกัน ดังนี้
1. การโอนรถเปลี่ยนเจ้าของแบบโอนตรง
การโอนรถเปลี่ยนเจ้าของแบบโอนตรงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเป็นทางการที่สุด โดยทั้งผู้โอน (เจ้าของเก่า) และผู้รับโอน (เจ้าของใหม่) จะต้องไปดำเนินการพร้อมกันที่กรมขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่ โดยสิ่งสำคัญของการโอนกรรมสิทธิ์รถแบบโอนตรงคือ รถยนต์คันที่ต้องการโอนเล่ม จะต้องมีสภาพตรงกับข้อมูลในใบคู่มือจดทะเบียน จึงจะสามารถโอนเล่มได้ หากข้อมูลไม่ตรงก็จะต้องกลับไปแก้ไขข้อมูลให้ตรงกับสภาพจริงก่อน
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกฉ้อโกง หรือเกิดปัญหาทางกฎหมายในภาพหลังเนื่องจากเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและยืนยันตัวตนของทั้งสองฝ่ายโดยตรง ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์มีความถูกต้องและสมบูรณ์มากที่สุด
2. การโอนรถเปลี่ยนเจ้าของแบบโอนลอย
การโอนรถเปลี่ยนเจ้าของแบบโอนลอยเป็นวิธีที่สะดวกกว่า แต่มีความเสี่ยงสูงกว่า โดยวิธีนี้ ผู้โอน (เจ้าของเก่า) จะเซ็นเอกสารการโอนและมอบให้ผู้รับโอน (เจ้าของใหม่) ไปดำเนินการเองหลังเสร็จสิ้นการซื้อ-ขาย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเต็นท์รถมือสอง เพราะมีความสะดวกสบายและประหยัดเวลาในการดำเนินการ
แต่วิธีนี้จะมีความเสี่ยงมากกว่าการโอนตรง เพราะหากเจ้าของใหม่มีการนำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้ในทางผิดกฎหมาย ในขณะที่ยังไม่ได้ดำเนินการโอนเล่มรถยนต์ให้เสร็จเรียบร้อย เจ้าของเก่าก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทางกฎหมายแทน
เอกสารการโอนรถยนต์มีอะไรบ้าง
สำหรับคำถามว่า โอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง? ก็คงจะต้องแบ่งเอกสารโอนรถออกเป็น 3 กรณี ดังนี้
เอกสารโอนรถแบบโอนตรง
- เล่มทะเบียนรถยนต์ (สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ)
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้โอนและผู้รับโอน พร้อมสำเนา
- สัญญาการซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียบร้อยแล้ว (สามารถขอรับได้ที่กรมขนส่งทางบก)
เอกสารโอนรถให้ญาติหรือผู้รับมรดก
- เล่มทะเบียนรถยนต์ (สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ)
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียบร้อยแล้ว (สามารถขอรับได้ที่กรมขนส่งทางบก)
- สัญญาการซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- กรณีเจ้าของเดิมเสียชีวิต ต้องมีสำเนาใบมรณบัตรของเจ้าของรถ และคำสั่งศาลหรือพินัยกรรม พร้อมสำเนาที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนเจ้าของ
- หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ (เจ้าของเดิม) และผู้รับมอบอำนาจ (เจ้าของใหม่)
เอกสารโอนรถแบบโอนลอย
- เล่มทะเบียนรถยนต์ (สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ)
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้โอนและผู้รับโอน พร้อมสำเนา
- สัญญาการซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียบร้อยแล้ว (สามารถขอรับได้ที่กรมขนส่งทางบก)
- หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (เจ้าของใหม่)
ขั้นตอนการโอนรถมีอะไรบ้าง?
ขั้นตอนการโอนรถยนต์สามารถดำเนินการได้ที่กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามที่ระบุไว้ข้างต้น
- นำรถยนต์ไปตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพรถของกรมการขนส่งทางบก
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์พร้อมเอกสารประกอบ และชำระค่าธรรมเนียม
- หลังดำเนินการเสร็จแล้ว ให้รอรับเล่มทะเบียนรถที่เปลี่ยนชื่อเจ้าของเรียบร้อยแล้ว พร้อมใบเสร็จรับเงิน เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ซึ่งโดยปกติแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการในการรอเล่ม และหลังจากยื่นเรื่องโอนรถเสร็จแล้ว จะต้องมีการแจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันโอน หากไม่ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็จะมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท
โอนรถยนต์ที่ไหนได้บ้าง
สำหรับคนที่ต้องการโอนรถยนต์ สามารถดำเนินการได้ที่สำนักงานขนส่งในพื้นที่ ดังนี้
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร สำหรับรถยนต์ที่มีทะเบียนกรุงเทพฯ หรือคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ โดยมีทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1: บางขุนเทียน
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2: ตลิ่งชัน
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3: สุขุมวิท
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4: หนองจอก
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5: จตุจักร
- สำนักงานขนส่งจังหวัด สำหรับเจ้าของรถและรถยนต์ที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถเข้าไปดำเนินการยังสำนักงานขนส่งประจำจังหวัดที่อาศัยอยู่ได้
- สำนักงานขนส่งจังหวัด ตามที่ระบุไว้ในคู่มือจดทะเบียน สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าจะไปโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ไหนดี ก็สามารถดำเนินการที่สำนักงานขนส่งที่ระบุไว้ในคู่มือจดทะเบียนได้
ค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
- ค่าคำขอโอนรถยนต์ 5 บาท
- ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ 500 บาทต่อการประเมินรถยนต์ 100,000 บาท
- ค่าแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ (ถ้าต้องการเปลี่ยน) 200 บาท
- ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน (กรณีเล่มเดิมชำรุด) 100 บาท
สรุปบทความ
การโอนเล่มรถยนต์ เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยยืนยันกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของให้กับผู้รับโอน (เจ้าของใหม่) และช่วยปกป้องสิทธิทางกฎหมายของทั้งผู้โอนและผู้รับโอน ทั้งนี้ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเตรียมเอกสารในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้พร้อม เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น
สุดท้ายนี้สำหรับคนที่ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เรียบร้อยแล้ว และต้องการจำนำทะเบียนรถ เพื่อรับเงินก้อนมาหมุนเวียนใช้จ่ายยามจำเป็น สามารถใช้บริการจำนำทะเบียนรถ ของทีทีบีไดรฟ์ ที่มีจุดเด่นน่าสนใจมากมาย ดังนี้
- ไม่โอนกรรมสิทธิ์รถเป็นชื่อธนาคาร
- รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวใน 30 นาที
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.54% ต่อเดือน หรือ 12% ต่อปี
- วงเงินสินเชื่อสูงสุด 100%
- ผ่อนสบายสูงสุด 72 เดือน
- วางแผนโปะ/ปิดบัญชีก่อนกำหนดได้
- ไม่มีค่าธรรมเนียม
- ลูกค้าทีทีบีไดรฟ์สมัครง่าย ใช้บัตรประชาชนใบเดียว
- รถปลอดภาระแล้ว หรือรถผ่อนอยู่ก็กู้ได้
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 12% - 23.00% ต่อปี