ยิ่งเข้าใกล้ปลายเดือนทีไร มนุษย์เงินเดือนหลายคนอาจประสบเข้ากับภัยของการเงินติดขัดเพราะบรรดาบิลค่าใช้จ่ายสารพัดไม่ว่าจะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนคอนโด รวมค่าทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วชวนให้เครียดไม่น้อย นี่อาจเป็นสัญญาณให้ย้อนกลับมาจัดการการเงินใหม่ ถึงเวลาประเมินว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเยอะเกินไปหรือไม่ ทำอย่างไรให้พยุงรายจ่ายไหว
5 สัญญาณต้องระวัง นิสัยใช้จ่ายแบบไหนที่ควรเลี่ยง
หากกำลังวางแผนเพื่อเป้าหมายใหญ่ เช่น ลงทุนทางธุรกิจ กู้ซื้อที่อยู่อาศัย ดาวน์รถคันโปรด เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ดีที่ควรจะเริ่มต้นประเมินรายจ่ายต่อเดือนว่ากำลังแบกรับค่าใช้จ่ายที่มากเกินตัวไปหรือไม่ หากยังใช้เงินเดือนชนเดือนจะเหลือที่ว่างแค่ไหนสำหรับการลงทุนในอนาคต รู้จักตัวเองให้มากขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องเงินทีหลัง
จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตตลอด
การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตอาจเป็นสัญญาณแรกที่บอกว่าเรากำลังแบกรับรายจ่ายต่อเดือนเยอะเกินไปจนต้องยอมเสียดอกเบี้ยจากการจ่ายขั้นต่ำ เพราะการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตนอกจากจะสร้างภาระดอกเบี้ยให้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะจ่ายครบทั้งหมดก็อาจสะสมกลายเป็นเงินก้อนใหญ่แล้วนั้นยังส่งผลต่อเครดิตทางการเงิน ความน่าเชื่อถือลดลงและทำให้ขั้นตอนในการขออนุมัติสินเชื่อในอนาคตใช้เวลานานขึ้น
ใช้เงินมากเกินรายรับ
เมื่อเจอเข้ากับสถานะที่เงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน หลายคนกลับเลือกวิธีใช้เงินมากขึ้นไปอีกเพื่อหลีกหนีความเป็นจริงโดยที่รายรับยังเท่าเดิม ทั้งการใช้จ่ายไปกับของไม่จำเป็นมากเกินไป ใช้เงินเกินตัว เช่น เช่าที่อยู่อาศัยที่คิดเป็นค่าใช้จ่ายเกินกว่า 50% ของรายรับ ดาวน์หรือกู้ซื้อบ้านหรือรถที่เกินกำลังจ่ายไหวในระยะยาว หรือ แม้แต่การละเลยไม่ยอมชำระค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้
ยืมเงินคนอื่น หรือ กู้สินเชื่อหลายที่เพื่อมาจ่ายบิล
ในความสัมพันธ์ใดๆ การแบ่งปันย่อมเป็นเรื่องดี หรือหากมีความจำเป็นฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดไว้ การขอความช่วยเหลือจากคนสนิทใกล้ชิดก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิต แต่หากเมื่อไหร่ที่อาศัยการยืมเงินจากคนรอบตัวบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณของการใช้เงินเกินตัว ทั้งยังอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว นอกจากนี้ การขอสินเชื่อจากที่หนึ่งเพื่อมาชำระค่าใช้จ่ายอีกที่หนึ่งยังส่งผลต่อสุขภาพทางการเงินเพราะยอดค่าใช้จ่ายรวมอาจสะสมตัวขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีเงินออมสำหรับเรื่องฉุกเฉิน
การไม่มีเงินออมไว้เลยอาจทำให้หลายคนเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินที่มากกว่า เงินออมฉุกเฉินคือเบาะรองรับความเสี่ยงของมนุษย์เงินเดือน เพราะการพึ่งพาเงินเดือนแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่มองถึงอนาคตข้างหน้าอาจทำให้เผชิญกับสถานการณ์มืดแปดด้านได้ เช่น มีเหตุให้ต้องออกจากงาน ประสบอุบัติเหตุสาหัส เกิดความสูญเสียทางทรัพย์สินหรือคนใกล้ชิด การมีเงินออมเผื่อไว้สำหรับเรื่องฉุกเฉินเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน แม้มีเรื่องอะไรสั่นคลอนก็ยังสามารถพยุงตัวอยู่ได้
ปัญหาการเงินเริ่มกระทบชีวิตส่วนตัว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาทางการเงินส่งผลโดยตรงต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ความเครียดของภาระที่ต้องแบกรับและความกดดันในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ครบกำหนดตรงเวลาย่อมกัดกินสุขภาพโดยรวมจนอาจกระทบกับการใช้ชีวิตส่วนตัว หากความเครียดเหล่านี้กำลังมากขึ้นเกินรับไหวอาจถึงเวลาต้องปรับการใช้จ่ายใหม่เพื่อลดภาระลง
มีบัตรเครดิตอย่างไร ไม่เพิ่มหนี้เกินตัว
เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคน มีบัตรเครดิตไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น แต่การจะรับมือกับยอดบิลที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละเดือนไม่ใช่เรื่องยากหากรู้วิธีจัดการแบบมือโปร โดยการประเมินรายการค่าใช้จ่าย ปรับสัดส่วนการใช้เงินใหม่ เลือกจ่ายบิลที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน และ วางแผนการชำระเงินให้ครบทุกรายการ โดยมีรายละเอียดในแต่ละวิธีดังนี้
ประเมินบิลที่ต้องจ่าย ลดอะไรลงได้บ้าง
จะจัดการสารพัดยอดบิลให้อยู่มือเริ่มต้นที่การประเมินรายการที่ต้องจ่าย อะไรที่สำคัญมากกว่าและสำคัญน้อยกว่า เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าน้ำค่าไฟ ควรเป็นสิ่งที่ต้องรีบจ่ายมากกว่า นอกจากนี้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard พบว่าหากค่าเช่าที่อยู่อาศัยในปัจจุบันค่อนข้างสูงเกินไปหรือมากกว่า 30% ของรายรับอาจเกิดเป็นภาระค่าใช้จ่าย (Cost Burdened) ที่เกินรับไหว การเลือกเช่าที่ใหม่ที่มีราคาถูกลงอาจช่วยลดทอนรายจ่ายลงได้บ้าง
ดอกเบี้ยสูงจ่ายก่อน
หากปัจจุบันกำลังรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ค้างคา เช่น ค้างค่างวดรถ ค้างค่าโทรศัพท์ของเดือนที่แล้ว ค้างค่างวดดาวน์คอนโด การสะสมยอดบิลค้างชำระไว้มากเกินอาจทำให้เครียดได้ง่ายๆ หากยิ่งเป็นการค้างจ่ายค่าบ้านหรือคอนโดนั้น จะยิ่งทำให้เรามีหนี้เพิ่มโดยไม่รู้ตัวจากดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระ หากเป็นไปได้ควรเลือกจ่ายยอดบิลที่ดอกเบี้ยสูงกว่าไว้ก่อน จะช่วยให้เบาภาระดอกเบี้ยไม่ให้สะสมจนเป็นก้อนใหญ่กว่าเดิม
เลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำ ทำรายการแบ่งจ่ายไว้ก่อน
ท้ายที่สุด สิ่งที่คนมีบัตรเครดิตต้องระวังคือการจ่ายขั้นต่ำ ซึ่งแทนที่จะจ่ายขั้นต่ำทำให้เสียดอกเบี้ยเพิ่ม เปลี่ยนมาเป็นการทยอยจ่ายยังดีกว่า ด้วยการพึ่งตัวเลือกดีๆ บริการเพื่อคนมีบัตรเครดิต ttb ทุกๆ ใบให้สามารถทำรายการแบ่งจ่าย ttb so goood ได้เอง ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่านแอป ttb touch ได้เลยง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนใช้งานบริการ ttb so goood เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่าย
- ดาวน์โหลดแอป ttb touch
- เข้าหน้าหลักและไปที่ปุ่ม บัญชี เลือกดูแถบเมนูด้านบน เลือกเมนูบัตร และเลือกบัตรที่ต้องการทำรายการ และคลิก แบ่งจ่าย ttb so goood
- อ่านรายละเอียดโปรแกรมแบ่งจ่าย ttb so goood จากนั้นกด ถัดไป
- เลือกรายการที่ต้องการแบ่งจ่ายรายเดือน จากนั้นกด ถัดไป
- เลือกโปรแกรมการแบ่งจ่ายรายเดือนที่ต้องการ จากนั้นกด ถัดไป
- ตรวจสอบรายละเอียด ทำเครื่องหมายเพื่อยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข จากนั้นกด ยืนยัน
- ทำรายการโปรแกรมแบ่งจ่าย ttb so goood สำเร็จ
ในกรณีที่เราใช้บริการ ttb so goood ด้วยการผ่อนชำระสินค้ากับบัตรเครดิต ttb ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน เราอาจจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามปกติของแต่ละประเภทบัตรเครดิต ttb ที่เราถืออยู่ ตัวอย่างเช่น
- หากลูกค้ามีบัตรเครดิตเครดิตสะสมแต้ม ttb so fast สิทธิประโยชน์คือ รับคะแนนเร็ว ทุกการใช้จ่าย 10 บาท = 1 คะแนน เราก็อาจจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ในการสะสมคะแนนในส่วนนี้ไป
- หากลูกค้ามีบัตรเครดิตเงินคืน ttb so smart สิทธิประโยชน์คือ รับเงินคืน 1% ทุกการใช้จ่าย เข้าบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง ttb no fixed เราก็อาจจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ไปด้วยอีกเช่นกัน
เพราะว่าลูกค้านั้นได้กดรับสิทธิประโยชน์ผ่อนบัตรเครดิต 0% นาน 3 เดือน กับบริการใจดี ttb so goood นั่นเอง
สิ่งสำคัญเพื่อสุขภาพการเงินที่ดีคือการใช้จ่ายอย่างประหยัด รู้จักแบ่งเก็บออมเงินสำหรับกรณีฉุกเฉิน การจ่ายหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างภาระหนี้จากดอกเบี้ยที่สะสม หากมีข้อสงสัยในการใช้ บัตรเครดิต ttb สามารถติดต่อธนาคารเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ ทีทีบี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร 1428