เวลาพูดถึงเรื่องสินเชื่อบ้าน เรามักจะเคยได้ยินคำว่า MRR บ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าMRR คืออะไร ? และทำไมถึงสำคัญมาก?
MRR ไม่ใช่แค่ตัวอักษรสามตัวที่ธนาคารชอบพูดถึง แต่มันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดว่าเราต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่ในการกู้ซื้อบ้าน ซึ่งจะส่งผลต่อเงินในกระเป๋าของเราไปอีกหลายปี
MRR คืออะไร
MRR คืออะไร ? MRR ย่อมาจาก Minimum Retail Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวประเภทหนึ่งที่ธนาคารใช้เป็นฐานในการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี ใช้สำหรับเงินกู้ทุกประเภทที่มีระยะเวลาผ่อนชำระที่แน่นอน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย
MRR rate มักจะถูกนำมาใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน หากธนาคารแห่งหนึ่งบอกว่า สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ย MRR-2.08% หมายความว่าดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปตามอัตราดอกเบี้ย MRR ของแต่ละธนาคาร เราก็ต้องไปดูประกาศของธนาคารล่าสุดว่า ณ เวลานั้น MRR อยู่ที่เท่าไหร่ แล้วมาคำนวณก็จะได้คำตอบ สมมติขณะนั้น MRR = 7% แสดงว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย คือ 4.92%ต่อปี
ทำไม MRR ถึงสำคัญกับการกู้บ้าน?
- เป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายจริง
- มีผลต่อจำนวนเงินผ่อนรายเดือนของเรา
- อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลต่อภาระหนี้ในระยะยาว
MRR กับดอกเบี้ยลอยตัวชนิดอื่น ต่างกันอย่างไร
นอกจากดอกเบี้ยบ้าน MRR ที่จำเป็นต้องรู้ก่อนกู้ซื้อบ้านแล้ว ยังมีดอกเบี้ยลอยตัวแบบอื่นๆ ที่ต้องศึกษาไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถวางแผนการคำนวณดอกเบี้ย ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นกู้สินเชื่อซื้อบ้าน นั่นคือ MLR และ MOR
MLR (Minimum Loan Rate)
- เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี
- ใช้กับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และบางครั้งใช้กับสินเชื่อบ้าน
- มักมีอัตราต่ำที่สุดในบรรดาดอกเบี้ยลอยตัวทั้งสาม
MOR (Minimum Overdraft Rate)
- เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่ใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี
- ใช้กับวงเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft) และบางครั้งใช้กับสินเชื่อส่วนบุคคล
- มักมีอัตราสูงที่สุดในบรรดาดอกเบี้ยลอยตัวทั้งสาม
MRR (Minimum Retail Rate)
- เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี
- ใช้กับสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล
- มักมีอัตราสูงกว่า MLR แต่ต่ำกว่า MOR
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง MLR, MOR และ MRR คืออะไรที่ช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่อจากธนาคารต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรากำลังพิจารณาสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ หรือ สินเชื่อบ้านแลกเงิน ซึ่งอาจมีทางเลือกระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่อ้างอิง MLR หรือ MRR
“ ข้อควรรู้ : แม้ว่า MRR Rate จะอยู่ระหว่าง MLR และ MOR แต่อัตราที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร ขึ้นอยู่กับนโยบายและกลยุทธ์ทางธุรกิจของแต่ละสถาบันการเงิน ”
MRR เปลี่ยนทุกกี่เดือน
ดอกเบี้ย MRR คือ MRR Rate ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารและสภาวะเศรษฐกิจ โดยทั่วไปอาจมีการปรับเปลี่ยนทุก 3-6 เดือน หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
ดอกเบี้ยลอยตัว ต่างจากดอกเบี้ยแบบอื่นอย่างไร
ดอกเบี้ยลอยตัวอย่าง MRR แตกต่างจากดอกเบี้ยคงที่ตรงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะตลาด ในขณะที่ดอกเบี้ยคงที่จะอยู่ในอัตราเดิมตลอดระยะเวลาที่กำหนด
ข้อดีของดอกเบี้ยลอยตัว
- มีโอกาสได้รับประโยชน์เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง
- มักมีอัตราเริ่มต้นที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยคงที่
ข้อเสียของดอกเบี้ยลอยตัว
- ค่างวดอาจเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น
- ยากต่อการวางแผนการเงินในระยะยาว เนื่องจากค่างวดอาจเปลี่ยนแปลง
วิธีคำนวณดอกเบี้ย MRR สำหรับสินเชื่อบ้าน
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าเรากู้เงิน 2,000,000 บาท โดยเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ใน 3 ปีแรก และปีที่ 4 เป็นต้นไป ที่อัตราดอกเบี้ย MRR-2.08% โดย MRR ปัจจุบันอยู่ที่ 7 % แสดงว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย = 4.92% ต่อปี
การเลือกใช้ดอกเบี้ย mrr คือ สินเชื่อบ้านที่เหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะลดลง หรือผู้ที่ต้องการอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ต่ำ แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นในอนาคตหากอัตรา MRR เพิ่มขึ้น
สรุปทำไมต้องเข้าใจเรื่อง MRR ก่อนกู้บ้าน
การเข้าใจว่า MRR คืออะไร และดอกเบี้ย mrr ทำงานอย่างไร เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณากู้ซื้อบ้าน เพราะจะช่วยให้เรา
- วางแผนการเงินระยะยาวได้ดีขึ้น
- เปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่อจากหลายธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ย MRR คืออัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ที่คาดการณ์และควบคุมได้ยาก เพราะอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนไปตามตลาดและการบริหารเงินของธนาคาร ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีแผนจะกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อคอนโด รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน ต้องทำความเข้าให้ดีก่อนตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกสินเชื่อบ้านนั้นนอกจากดูที่อัตราดอกเบี้ยแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ระยะเวลาผ่อน วงเงินกู้ ค่าธรรมเนียมต่างๆที่ต้องจ่าย และเงื่อนไขอื่น ๆ ของธนาคาร
และถ้าคุณกำลังมองหาสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบ้านทีทีบีพร้อมตอบโจทย์ ทั้งสินเชื่อบ้านใหม่ บ้านมือสอง สินเชื่อรีไฟแนนซ์ และ บ้านแลกเงิน สนใจสมัครได้ที่ สาขาทีทีบี ทั่วประเทศ , เว็บไซต์ทีทีบี หัวข้อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ และ แอป ttb touch (สำหรับลูกค้าปัจจุบัน)