-----------(อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม)------------
กว่าจะซื้อรถยนต์ได้สักคันก็เรียกได้ว่าแทบเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของชีวิต ไหนจะเรื่องวางเงินดาวน์ ไหนจะดอกเบี้ยตามระยะเวลาผ่อนชำระ ก่อนถอยรถใหม่ได้รถป้ายแดงสมใจ หลายคนจึงเลือกวิธีจัดไฟแนนซ์รถยนต์ เพื่อขอสินเชื่อรถยนต์ใหม่ และมีหน้าที่ชำระค่างวดให้ครบตลอดสัญญา แต่ถ้าหากเราประสบปัญหาการเงินติดขัด แต่ทั้งค่างวดและดอกเบี้ยก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องชำระ นี่คือจังหวะที่คนมีรถต้องคำนึงถึงการรีไฟแนนซ์รถยนต์นั่นเอง
ปัจจุบันเราสามารถนำรถยนต์ไปรีไฟแนนซ์เพื่อ ลดค่างวด และยังได้เงินก้อนไปใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ เชื่อว่าสถานะทางการเงินของหลายคนเริ่มที่จะตึงมือกันแล้ว จะขยับตัวทำอะไรก็ลำบากไปหมด ถ้าได้เงินสักก้อนมาเสริมสภาพคล่องก็คงทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาบ้าง แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเรื่อง “การรีไฟแนนซ์รถยนต์” กันก่อนดีกว่า..
รีไฟแนนซ์รถยนต์ คืออะไร?
รีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การนำรถยนต์ไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินอีกครั้ง จะเป็นที่เดิม หรือที่ใหม่ก็ได้ โดยจะเป็นการปิดยอดเดิม และเริ่มยอดใหม่ ซึ่งจะทำให้ค่างวดที่จ่ายลดลง และได้เงินก้อน มาใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรถยนต์ที่ผ่อนอยู่...มาเป็นเงินก้อนเพื่อเสริมสภาพคล่องนั่นเอง
เหตุผลดีๆ จากการรีไฟแนนซ์รถยนต์
การจัดไฟแนนซ์รถยนต์ใหม่เป็นเรื่องปกติสามัญของคนที่จำเป็นต้องซื้อรถยนต์สักคันไว้ใช้ แต่จะให้ชำระค่ารถยนต์ทั้งคันในคราวเดียวก็อาจเป็นภาระหนัก ซึ่งการขอสินเชื่อรถยนต์ จึงเป็นการกู้ยืมเพื่อให้สามารถรถคันโปรดได้ก่อนจากนั้นจึงค่อยๆ ทยอยผ่อนงวดรถยนต์รายเดือน แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ที่เริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงินจนยากที่จะชำระค่างวดพร้อมดอกเบี้ยได้ สิ่งที่ควรทำคือการรีไฟแนนซ์รถยนต์ด้วย 3 ข้อดีสำคัญดังนี้
1. การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้มีเงินก้อนไปเสริมสภาพคล่อง
จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เชื่อว่าทำให้หลายคนสาหัสกันไม่น้อยเลยทีเดียว มีบางคนที่เงินตึงมือ จ่ายหนี้ไม่ไหวกันก็เยอะ ดังนั้น การรีไฟแนนซ์รถยนต์เพื่อนำเงินก้อนไปเสริมสภาพคล่อง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของใครหลายคนในตอนนี้ เพราะอย่างน้อยๆ ก็อาจจะนำไปต่อยอดหรือใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
2. การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้ค่างวดต่อเดือนลดลง ผ่อนเบาๆ สบายขึ้น
สำหรับคนที่ผ่อนชำระไฟแนนซ์รถยนต์อยู่ และรู้สึกว่าค่างวดในแต่ละเดือนเริ่มที่จะหนัก ผ่อนไม่ไหว การรีไฟแนนซ์ก็เป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะช่วยลดภาระให้เบาลงได้ แต่อาจจะต้องแลกกับระยะเวลาผ่อนชำระที่นานขึ้น แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเราสามารถนำเงินส่วนต่างของค่างวดตรงนั้น มาเสริมสภาพคล่อง หรือใช้จ่ายสำหรับ กรณีฉุกเฉินได้เช่นกัน
3. การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยลดความเสี่ยงในการโดนยึดรถ
เดิมทีเราอาจจะจ่ายเงินค่างวดหลักหมื่นบาทต่อเดือน จนทำให้สถานะทางการเงินเริ่มวิกฤต และลามไปถึงค้างค่างวดรถ ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการโดนยึดรถ รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา การนำรถยนต์ไปรีไฟแนนซ์ ก็เหมือนเป็นการทำปรับโครงสร้างหนี้ เลือกได้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา ถึงจะยืดเวลาในการผ่อนชำระไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี
เมื่อไหร่ควรรีไฟแนนซ์รถยนต์ บอกลาสินเชื่อเดิม
สภาพคล่องทางการเงินคือสัญญาณสำคัญที่บอกว่าเมื่อไหร่ควรรีไฟแนนซ์รถยนต์ ซึ่งคนที่ควรบอกลาสินเชื่อเดิมก็คือ คนที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และต้องการเงินเพื่อใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็น ซึ่งในความเป็นจริงเราทุกคนมีความจำเป็นที่ต่างกันขึ้นอยู่กับการวางแผนการเงินของเราด้วยว่าทำได้ดีแค่ไหน เพราะถึงแม้จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นเงินก้อน แต่ถ้าไม่จัดการให้ดีก็จะกลับไปเจอปัญหาเดิมได้อีก
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ไม่ได้หมายความว่า จะมีเงินก้อนมาใช้จ่ายเพิ่มเติมเสมอไป ขึ้นอยู่กับวงเงินสินเชื่อคงค้าง กับมูลค่ากลางของรถยนต์ในตอนนั้น และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน และถ้าหากใครสนใจก็ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าให้ดี ทางทีทีบีไดรฟ์เป็นอีกหนึ่ง ที่จะตอบโจทย์ นั่นก็คือ รถแลกเงิน รีไฟแนนซ์ ผ่อนรถอยู่ ก็นำมารีไฟแนนซ์กับเราได้ ดอกเบี้ยต่ำ ให้วงเงินสูงถึง 100% ของราคาประเมิน โดยทางธนาคารจะไปจัดการปิดสินเชื่อเดิมให้
จุดเด่นของสินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์
- ให้วงเงินสูงถึง 100% ของราคาประเมิน เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร
- ค่างวดลดลง ขอวงเงินกู้เพิ่มได้ (Top up)
- อนุมัติเบื้องต้นภายใน 30 นาที (เมื่อเอกสารครบ)/li>
สุดท้ายแล้วก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไร ควรจะศึกษารายละเอียดและวางแผนการเงินให้ดี ลองประเมินตนเองเบื้องต้นว่าสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นไหวไหม เพราะบางทีอาจจะมีเรื่องที่ต้องใช้เงินแบบกระทันหันและทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ สำหรับคนที่สนใจ “รถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ รีไฟแนนซ์” สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/hire-purchase/cash-your-car หรือโทร ttb contact center 1428