external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

รถยนต์ไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมัน แบบไหนประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ากัน

#ttb #fintips #บัตรเครดิต #บัตรเครดิตttb #บัตรเครดิตใบแรก #สมัครบัตรเครดิตใบแรก #บัตรเครดิตเติมน้ำมัน #ฉลาดออมฉลาดใช้
15 มี.ค. 2567

  • มิเตอร์บ้านที่จะใช้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ต้องตรงตามมาตรฐานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำหนด
  • การตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์อย่างน้อยปีละครั้ง อีกหนึ่งวิธีช่วยประหยัดน้ำมัน
  • ทำไมบัตรเครดิตเติมน้ำมัน ttb จึงช่วยคนมีรถประหยัดเงินในกระเป๋า?

กว่าจะตกลงใจซื้อรถยนต์สักคัน คนใฝ่ฝันมีรถยนต์เป็นของตัวเองอาจต้องคำนึงถึงปัจจัยให้รอบด้าน โดยเฉพาะการซื้อรถคันแรก มือใหม่หัดขับคงกำลังชั่งใจว่ารถยนต์คันแรกควรเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถใช้น้ำมันถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งเรื่องของราคา ค่าใช้จ่ายเริ่มแรก ค่าใช้จ่ายระยะยาวไปจนถึงค่าบำรุงรักษาประปราย

แต่ไม่ว่าจะเลือกรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถใช้น้ำมัน คนมีรถย่อมต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงานให้กับรถอย่างแน่นอน โดยทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ คือ การใช้บัตรเครดิตเติมน้ำมัน ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์สุดคุ้มที่สามารถใช้ได้กับปั๊มน้ำมันทั่วประเทศและสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทุกแห่ง เช่น บัตรเครดิต ttb ที่มีทั้งบัตรเครดิตสะสมคะแนนและบัตรเครดิตเงินคืน สมัครได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ผ่านการสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ที่สะดวก แจ้งผลการอนุมัติด้วย SMS ภายใน 7 วัน

ซื้อรถคันแรก-รถยนต์ไฟฟ้าvsรถใช้น้ำมัน


ซื้อรถคันแรก ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมัน แบบไหนตอบโจทย์กว่ากัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์เป็นสิ่งที่ซื้อครั้งเดียวแต่ใช้งานยาวนานหลายปี ดังนั้นก่อนจะซื้อรถคันแรก ควรไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนรอบด้าน เพราะ รถยนต์ไฟฟ้าและรถใช้น้ำมันนั้นมีความแตกต่างกันทั้งข้อดี-ข้อเสีย ราคา ความสะดวก ความจำเป็น


จุดประสงค์ในการซื้อรถคันแรก

เมื่อกำลังตัดสินใจเลือกระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างแรกคือจุดประสงค์ในการซื้อรถ เช่น อยากมีรถยนต์สักคันใช้ขับไปทำงาน ระยะทางไป-กลับไม่กี่กิโลเมตร หรือ ใช้ขับทางไกลข้ามจังหวัดเป็นประจำ เพราะ ระยะทางในการขับขี่จะช่วยให้เราตัดสินใจง่ายขึ้น ถ้าซื้อรถคันแรกเพื่อใช้เดินทางระยะไกลเป็นประจำ รถใช้น้ำมันอาจจะตอบโจทย์มากกว่า ถึงแม้ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็ถือเป็นทางเลือกที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมคมนาคมของไทยได้ไม่นาน ทำให้จุดบริการชาร์จไฟยังไม่ครอบคลุมเหมือนกับปั๊มเติมน้ำมันที่รองรับรถใช้น้ำมันอย่างทั่วถึง

อีกประเด็นที่ผู้ขับขี่ต้องชั่งใจก่อนตัดสินใจซื้อรถคันแรก คือระยะเวลาในการเติมพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้าใช้เวลาชาร์จไฟนานกว่ารถใช้น้ำมันมากพอสมควร ทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องวางแผนการเดินทางให้รัดกุม หากเผลอลืมชาร์จไฟตัวรถอาจทำให้การเดินทางยุ่งยากขึ้นได้


ความสะดวกและการใช้งานรถคันแรก

ยิ่งซื้อรถคันแรกไว้คอยอำนวยความสะดวกให้การเดินทางในชีวิตประจำวัน ปัจจัยด้านความสะดวกสบายยิ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยการเปรียบเทียบ ความคล่องตัวระหว่างรถใช้น้ำมันและรถยนต์ไฟฟ้า รถแบบไหนที่ตรงกับไลฟ์สไตล์การขับรถของเรามากกว่า เช่น

  • รถใช้น้ำมันจะมีเกียร์ออโต้หรือเกียร์อัตโนมัติที่ใช้งานง่ายกว่าเกียร์ธรรมดาแต่รถยนต์ไฟฟ้าขับง่ายมากกว่านั้น เพราะมีระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยและรองรับทุกพฤติกรรมการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการจอดเทียบฟุตบาทหรือการถอยหลังจอดรถเข้าซอง
  • รถยนต์ไฟฟ้าทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้รถเสียงเบา ไม่มีเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ ต่างจากรถใช้น้ำมันที่เสียงเครื่องยนต์ดัง สร้างความรำคาญใจและทำให้ช่วงเวลาในการขับขี่บนท้องถนน ขาดอารมณ์สุนทรีย์ไปอย่างน่าเสียดาย

นอกเหนือจากความสะดวกคล่องตัว ปัจจัยเรื่องปัญหามลพิษก็เป็นสิ่งที่คนใช้รถที่มีใจรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่อยากมองข้าม ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่เพื่อขับขี่เดินทาง ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนใช้รถที่ไม่อยากสร้างมลพิษเพิ่มให้กับโลก

เปรียบเทียบ-รถยนต์ไฟฟ้าvsรถใช้น้ำมัน


เปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมัน ค่าใช้จ่ายต่างกันอย่างไร

สำหรับมือใหม่หัดขับถ้าพูดเรื่องราคา การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าย่อมมีราคาสูงมากกว่ารถใช้น้ำมัน ยังไม่รวมถึงยี่ห้อหรือตัวเลือกเสริมที่รถใช้น้ำมันมีให้เลือกหลากหลายและครอบคลุมกว่า แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อรถ 1 คัน ไม่ได้จบที่การจ่ายเงินและรับรถกลับบ้านเท่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งที่เป็นค่าใช้จ่ายเริ่มแรกและค่าใช้จ่ายระยะยาว


เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายเริ่มแรก ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมัน

ค่าใช้จ่ายเริ่มแรกที่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต้องแบกรับมากกว่าการซื้อรถใช้น้ำมัน คือค่าการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย เพราะในไทยยังมีสถานีชาร์จไฟไม่เพียงพอ ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ณ ตอนนี้จึงจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องชาร์จไฟภายในอาคารบ้านพักของตัวเอง ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้านจะประกอบด้วย

  • ค่าเปลี่ยนมิเตอร์ เริ่มต้นตั้งแต่ 4,700 บาทขึ้นไป เพราะมิเตอร์บ้านที่จะใช้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ต้องตรงตามมาตรฐานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กำหนดเท่านั้น
  • ค่า EV Charger ราคาในตลาดอยู่ประมาณ 35,000 – 75,000 บาท ราคาปรับเปลี่ยนตามยี่ห้อและรุ่นของ EV Charger


นอกเหนือจากค่าเปลี่ยนมิเตอร์และค่า EV Charger ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเริ่มแรกที่มาพร้อมรถยนต์ไฟฟ้า ถึงคราวติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงเพิ่มขึ้นมาอีก เช่น

  • ค่าดำเนินการขอไฟเพิ่ม
  • ค่าติดตั้งตู้ควบคุมและเครื่องตัดไฟพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ
  • ค่าต่อเติมสถานที่ให้สามารถรองรับการมีอยู่ของเครื่องชาร์จไฟและรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคนรักรถหลายรายจำเป็นต้องทุบบางส่วนของบ้าน เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการจอดชาร์จไฟ


เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระยะยาว ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมัน

การซื้อรถคันแรกนอกจากค่าใช้จ่ายแรกเริ่มที่ต้องคำนึงถึง ยังมีค่าใช้จ่ายระยะยาวที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจเพื่อให้การซื้อรถคันแรกคุ้มค่ามากที่สุด โดยความแตกต่างของค่าใช้จ่ายระยะยาว ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถใช้น้ำมัน

  • ค่าพลังงานที่ใช้เติมรถ ราคาพลังงานไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันและในอนาคตมีแนวโน้มที่ค่าน้ำมันจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุผลข้อนี้เป็นตัวเลือกที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแทนรถใช้น้ำมัน

ตัวอย่างการคำนวณต้นทุนของพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน คือ รถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนค่าพลังงานอยู่ที่ 0.37 บาท / 1 กิโลเมตร ขณะที่รถใช้น้ำมันมีต้นทุนค่าพลังงานเริ่มต้นที่ 1.70 บาท / 1 กิโลเมตร

  • ค่าประกันรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าประกันภัยที่สูงกว่ารถใช้น้ำมัน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 27,000 - 90,000 บาท ซึ่งในประเทศไทยรถยนต์ไฟฟ้ายังมีผู้ใช้น้อยกว่ารถใช้น้ำมันอยู่มาก ทำให้แผนประกันภัยมีราคาสูง ไม่มีโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อ แต่เชื่อว่าเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทประกันภัยหลายที่คงเพิ่ม-ลด โปรโมชั่นและเบี้ยประกันภัยให้มีราคาถูกลง
  • ค่าภาษีรถยนต์ ค่าภาษีรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถใช้น้ำมัน ตามมติครม. ปรับลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า 80% ของอัตราที่กฎหมายกำหนด (ระยะเวลาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 กันยายน 2568) เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง
  • ค่ารักษาและซ่อมบำรุง รถยนต์ไฟฟ้ามีอะไหล่น้อยชิ้นกว่ารถใช้น้ำมัน ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจุกจิกที่ต้องคอยซ่อมอะไหล่หลายๆ ส่วน หรือไม่ต้องคอยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเหมือนกับรถใช้น้ำมัน มีเพียงแค่แบตเตอรี่เท่านั้นที่ราคาค่อนข้างแพง แต่แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าก็มีอายุการใช้นานประมาณ 6-8 ปี ไม่พังง่ายหรือมีเหตุให้เปลี่ยนอยู่บ่อยๆ


ทำไมบัตรเครดิตเติมน้ำมัน ttb จึงช่วยคนมีรถประหยัดเงินในกระเป๋า ?

ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถใช้น้ำมัน ต่างมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน ทั้งค่าพลังงาน ค่าประกันรถยนต์ ค่าภาษีรถยนต์ ค่ารักษาและซ่อมบำรุง ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นแล้ว เมื่อไหร่ที่ได้ครอบครองรถยนต์ในฝันที่ตรงใจ การมีตัวช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางให้คนมีรถใช้ชีวิตได้อย่างยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นเช่น บัตรเครดิตเติมน้ำมัน ttb ที่มีความคุ้มค่าครอบคลุมทั้งเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าและรถใช้น้ำมัน เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใกล้ไกลก็รับเครดิตเงินคืนทุกการชำระค่าน้ำมันและการชาร์จไฟที่สถานีไฟฟ้าทุกแห่ง พร้อมโปรโมชัน JoyRide ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับโปรโมชั่นบัตรเครดิต ttb ยานยนต์ JoyRide ได้ที่ https://www.ttbbank.com/promotion/credit-card?category=auto&page=4 โปรโมชันบัตรเครดิต ttb ที่รู้ใจคนมีรถช่วยเพิ่มความคุ้มต่อเนื่องตลอดปี คอยเซฟค่าใช้จ่ายตั้งแต่รถเริ่มสตาร์ท จนการดับเครื่องยนต์สุดท้ายเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง

โปรโมชั่นบัตรเครดิตเติมน้ำมัน-โปรโมชั่นบัตรเครดิตชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า-ttb


เจ้าของบัตรเครดิตเติมน้ำมัน ttb เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิพิเศษที่ช่วยเซฟค่าใช้จ่าย ควร “ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16%” และควรตรวจสอบเงื่อนไขและระยะเวลาในการร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางของธนาคาร เช่น เว็บไซต์ของธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ttb Contact Center 1428


ที่มาข้อมูล
ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า 2566
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV