การใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันย่อมมีโอกาสพบเจอปัญหาต่าง ๆ ได้เสมอ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้รถเป็นประจำ การสังเกตสัญญาณผิดปกติและรู้จักอาการรถเสียที่มักพบบ่อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามเป็นความเสียหายที่รุนแรงขึ้น ในบทความนี้ ttb DRIVE ได้รวบรวมเช็กลิสต์ 8 ปัญหารถยนต์และอาการรถเสียที่พบบ่อย รวมถึงวิธีรับมือในเบื้องต้นมาแนะนำกัน เพื่อให้คนที่เพิ่งซื้อรถยนต์คันแรกและยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้รถยนต์ สามารถรับมือเมื่อเกิดปัญหาขึ้นได้
เช็กลิสต์ 8 ปัญหารถยนต์และอาการรถเสียที่พบบ่อย
ปัญหารถยนต์ที่เรารวบรวมมานี้ เป็นปัญหาที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักพบเจอ ซึ่งการรู้จักสังเกตอาการผิดปกติจะช่วยให้เราสามารถป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาได้ โดย 5 ปัญหารถยนต์และอาการรถเสียที่พบบ่อย มีดังนี้
1. รถสตาร์ทติดยาก
สำหรับคนที่จอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ๆ มักจะพบอาการรถสตาร์ทติดยาก ซึ่งอาจเกิดจากเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เนื่องจากไม่ได้มีการชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากปัญหาในระบบจุดระเบิดหรือระบบจ่ายเชื้อเพลิงที่ทำงานผิดปกติ หากพบอาการนี้ให้ลองจัมป์แบตเตอรี่ และอาจต้องนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบอื่น ๆ อย่างละเอียด
2. รถมีคราบน้ำมันรั่ว
การพบคราบน้ำมันบนพื้นที่จอดรถเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรละเลย เพราะแสดงถึงการรั่วซึมของระบบหล่อลื่น ซึ่งอาจเกิดจากซีลอ่างน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ปะเก็นแตก หรือฝาครอบวาล์วรั่ว ดังนั้น เมื่อพบอาการนี้ควรรีบหาตำแหน่งที่รั่วและนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็ว เพราะการปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายรุนแรง
3. เหยียบเบรคแล้วมีเสียง
เสียงแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นขณะเหยียบเบรก โดยเฉพาะเสียงโลหะเสียดสีกัน เป็นสัญญาณเตือนว่าผ้าเบรกกำลังเสื่อมสภาพ เนื่องจากการเบรกแต่ละครั้งจะทำให้เกิดความร้อนและการสึกหรอมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลงและเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ดังนั้นควรรีบนำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรกทันทีที่พบอาการนี้
4. อาการรถควันขาว หรือ ควันดำ
การมีควันผิดปกติออกมาจากท่อไอเสียเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาในระบบเครื่องยนต์ โดยปกติแล้วรถยนต์ที่ทำงานอย่างสมบูรณ์จะแทบไม่มีควันออกมาจากท่อไอเสีย การเกิดควันขาวหรือควันดำอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ น้ำมันเครื่องรั่วซึมเข้าห้องเผาไหม้ ระบบกรองไอเสียหรือระบบจ่ายน้ำมันอุดตัน ท่อไอเสียรั่ว หรือเครื่องยนต์หลวม แม้ว่าเราจะไม่เห็นท่อไอเสียขณะขับขี่ แต่ควรหมั่นสังเกตในจังหวะที่จอดติดเครื่องยนต์เอาไว้ด้วยเช่นกัน
5. รถยนต์มีกลิ่นเหม็นไหม้
กลิ่นไหม้ที่เกิดขึ้นในรถยนต์เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะได้กลิ่นขณะขับขี่หรือจอดรถแล้วมีกลิ่นไหม้ตามมา เนื่องจากกลิ่นไหม้แต่ละประเภทอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น คลัตช์ไหม้ เบรคไหม้ สายพานไหม้ หรือสายไฟไหม้ ซึ่งล้วนเป็นอันตรายที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงได้ หากได้กลิ่นผิดปกติ ควรรีบหาสาเหตุและนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด
6. แอร์รถมีกลิ่นเหม็นไหม้
หากได้กลิ่นไหม้จากแอร์รถยนต์ สามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาแอร์รั่วซึม คอมเพรสเซอร์รั่ว ช่องระบายอากาศอุดตัน สายพานแอร์หย่อน วาล์วตัน หรืออาจเกิดจากมอเตอร์แอร์รถยนต์มีกลิ่นเหม็นไหม้ ซึ่งหากพบว่าแอร์รถมีกลิ่นไหม้ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนแก้ไขได้ยาก
7. มีควันออกจากห้องเครื่อง หรือเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท
หากพบว่ามีควันออกจากห้องเครื่อง อาจเกิดจากคูลแลนด์หรือน้ำที่เป็นของเหลวในระบบหล่อเย็น มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนผิดปกติ จนดันออกมาทางฝาหม้อน้ำ และเกิดเป็นควันขาวขึ้น หากพบปัญหารถยนต์ในลักษณะนี้ ให้รีบหยุดรถและดับเครื่องทันที แล้วเปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน พักเครื่องยนต์จนกว่าความร้อนจะลดลง จากนั้นทำการเปิดฝาหม้อน้ำ เพื่อเติมน้ำกลับเข้าไปให้เพียงพอต่อการใช้งาน
ทางที่ดีหากรู้ว่าต้องใช้รถยนต์ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือต้องเดินทางไกล ๆ แนะนำว่าควรตรวจสอบหม้อน้ำให้ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
8. รถกระตุกเวลาจอด
หากพบว่ารถกระตุกเวลาจอดรถ หรือตอนกำลังออกรถ สามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กหัวเทียนหลวม หัวเทียนเสื่อมสภาพ หัวฉีดสกปรก ไส้กรองอากาศสกปรก กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตัน ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรก หรือน้ำมันเชื้อเพลิงมีสิ่งปนเปื้อน
หากพบว่ามีอาการรถกระตุกเวลาจอด หรือตอนออกรถ ควรนำรถเข้าไปตรวจเช็กที่ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน เพราะการแก้ไขด้วยตัวเองเป็นเพียงการแก้ไขในเบื้องต้นเท่านั้น นอกจากนี้ หากแก้ไขไม่ถูกต้องก็อาจจะทำให้ปัญหาลุมลามมากขึ้นได้
เกิดปัญหารถเสีย กลางทาง ทำอย่างไรดี
การเผชิญกับสถานการณ์รถเสียกลางทางเป็นประสบการณ์ที่สร้างความกังวลให้กับผู้ขับขี่ทุกคน แต่หากรู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง ก็จะสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัย
- เมื่อรถเริ่มมีอาการผิดปกติ ให้พยายามขับเข้าข้างทางในจุดที่ปลอดภัย
- เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อแจ้งเตือนรถคันอื่น ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
- โทรติดต่อช่างหรือบริษัทรถลากที่ไว้ใจได้
- หากไม่มีเบอร์ติดต่อ ให้โทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์เพื่อขอความช่วยเหลือ
- หากเกิดเหตุในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย สามารถโทรติดต่อหน่วยงานฉุกเฉินได้
รถเสีย ต้องโทรหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ
เมื่อประสบปัญหารถยนต์เสีย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือเวลากลางคืน การรู้จักช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญ
- ตำรวจทางหลวง (อุบัติเหตุบนทางหลวง): 1193
- ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร: 1197
- สายด่วนมอเตอร์เวย์: 1586
- กรมทางหลวงชนบท: 1146
- จส.100: 1137
- ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ (EXAT Call Center): 1543
สรุปบทความ
การรู้จักสังเกตอาการผิดปกติของรถยนต์เป็นทักษะสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน อาการทั้ง 5 ประการที่กล่าวมา ได้แก่ รถสตาร์ทติดยาก คราบน้ำมันรั่ว เสียงผิดปกติขณะเบรก ควันผิดปกติ และกลิ่นไหม้ ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย การรู้จักวิธีรับมือที่ถูกต้องและมีช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน จะช่วยให้เราสามารถใช้รถได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามหากพบอาการผิดปกติใด ๆ ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบและซ่อมบำรุงกับผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจลุกลามเป็นความเสียหายรุนแรงในภายหลัง แต่หากปล่อยไว้จนเกิดความเสียหายรุนแรง และประเมินแล้วว่าการซ่อมไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่า การซื้อรถใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรพิจารณา
สมัครสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE หรือคำนวณสินเชื่อรถแลกเงินคลิก ที่นี่ เลย
สุดท้ายนี้สำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง หรือรถยนต์มือสอง ก็สามารถขอสินเชื่อกับ ttb DRIVE ได้ เพราะเรามีบริการสินเชื่อรถยนต์ใหม่ และสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว ที่ให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินรถ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที (เมื่อเอกสารครบ) ดอกเบี้ยรถยนต์ใหม่แบบคงที่ ชำระค่างวดเท่ากันตลอดอายุสัญญา ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน
นอกจากนี้สำหรับคนที่กำลังมองหาเงินก้อนแบบเร่งด่วน เพื่อนำไปใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เรายังมีบริการสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของแต่ละคน
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ทีทีบีไดรฟ์มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
สินเชื่อรถยนต์ใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.21% - 10.00% ต่อปี
สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 7.48% - 15.00% ต่อปี
สินเชื่อรถแลกเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 23.00% ต่อปี