ปี 2025 การค้าโลกและเศรษฐกิจไทยมีทั้งความท้าทายและโอกาส ครั้งนี้ finbiz by ttb ได้รวบรวมข้อมูลจากงาน ttb Global Trade & FX Forum : The Future of Asia Economic Trends and Trade Challenges for Thailand 2025 ที่ได้ฉายภาพเศรษฐกิจภาพใหญ่ และเจาะความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจจีนที่ส่งผลต่อการค้าโลกและการค้าของไทย มาอัปเดตให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะในภาคนำเข้า-ส่งออก จับตามองและเตรียมพร้อมรับมือ...
3 ภาพใหญ่เศรษฐกิจโลกปี 2025
- Steady but Slow เศรษฐกิจในประเทศพัฒนาที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่น สหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่นมีแนวโน้มเติบโตช้าลง ในขณะที่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศในกลุ่มอาเซียนยังเห็นศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่
- New Easing Cycle เงินเฟ้อทั่วโลกทยอยปรับตัวลง กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลก เริ่มเข้าสู่วัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ไปเมื่อเดือนกันยายน ส่งสัญญาณการปรับลดต้นทุนทางการเงิน และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะยังมีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2025
- Geopolitical Risks นโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศที่ต่างกันระหว่างผู้สมัครเลือกตั้งสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกที่ต่างกันไป รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังจะยืดเยื้อต่อไป
โอกาสและความท้าทายของประเทศไทย
เศรษฐกิจไทยในปี 2025 คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังจากได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของวิกฤตต่าง ๆ ไปแล้ว แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการโดยวิเคราะห์การขับเคลื่อนในแต่ละภาคส่วนดังนี้
- ภาคการบริโภคในประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 60% ของจีดีพี ยังเห็นโมเมนตัมการเติบโต อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจต้องพิจารณาเพิ่มคือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ที่อาจลดทอนการบริโภคกลุ่มสินค้าคงทน
- ภาคการท่องเที่ยว คิดเป็นสัดส่วนถึง 12% ของจีดีพี ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะถึง 35 ล้านคนในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะเป็น 38 ล้านคนได้ในปี 2025 แต่ประเด็นที่น่าติดตามคือการที่นักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาเที่ยวไทยมีเพียง 60% เมื่อเทียบกับก่อนช่วงโควิด ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่นับชาวจีนพบมีจำนวนใกล้เคียงกับก่อนช่วงก่อนโควิด
- ภาคการส่งออก ฟื้นตัวค่อนข้างดี ภาคการส่งออกยังเป็นตัวจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอยู่ โดยปีนี้คาดว่าจะโตอย่างน้อย 2-3%
- ภาคการผลิต ยังเห็นการเติบโตในกลุ่มสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ในขณะที่กลุ่มสินค้าคงทน เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มเห็นสัญญาณการหดตัว
- ภาคการลงทุน แม้ทุกวันนี้ต่างชาติจะหันไปลงทุนที่เวียดนามกันค่อนข้างมาก แต่การลงทุนในประเทศไทยก็ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี โดยเติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โรงงานผลิต Data Center และ PCBs
เตรียมพร้อมรับสถานการณ์การค้าแบบ Dual Globalization
สภาพแวดล้อมทางการค้าระหว่างประเทศในปี 2025 อาจถูกแบ่งเป็นสองขั้วชัดเจนมากขึ้น จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เหมือนจะมีความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้สมัครจากรีพับลิกันเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง กําแพงภาษีสินค้าจากจีนอาจถูกขยับเป็น 60% หรือ 4 เท่าจากของเดิม
Dual Globalization หรือโลกที่แบ่งเป็นสองขั้วจากภูมิศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ การขยายตลาดและการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดใหม่ ๆ โดย ฝั่งยุทธศาสตร์สหรัฐฯ อาจมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เข้ามาในห่วงโซ่สหรัฐฯ ส่วนยุทธศาสตร์จีน มุ่งเน้นไปขยับขยายพื้นที่ไปยังประเทศกําลังพัฒนาอย่างแอฟริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันได้ขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีนแทนสหรัฐอเมริกาแล้ว ส่งผลให้บทบาทของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีความสำคัญและน่าสนใจมากขึ้น จากการเป็นพื้นที่ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกในยุคถัดไป
บาซูก้าเศรษฐกิจของจีน สร้างความเชื่อมั่นให้จีน
ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนได้รับแรงกดดันโดยเฉพาะจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลให้การจับจ่ายในจีนชะลอตัว ผู้คนเริ่มมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจที่ลดลง รัฐบาลจีนจึงออกนโยบายปล่อยบาซูก้ากระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ให้จะช่วยเศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ด้วย 3 มาตรการ คือ เพิ่มสภาพคล่องในระบบและปล่อยสินเชื่อกระตุ้นการลงทุน ผ่อนคลายเพื่อเพิ่มกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันแรงซื้อมีการชะลอตัวลงอย่างมาก และส่งสัญญาณฟื้นตลาดหุ้นจีนที่อยู่ในจุดตกต่ำที่สุดให้ฟื้นทะยานขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ว่าไม่ต้องการฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคิดเป็น 30% ของจีดีพีจีน โดยเฉพาะในฝั่งอุปทาน สะท้อนผ่านมาตรการ Three Red Lines ที่บังคับใช้ในช่วงปลายปี 2563 ที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์จีน และพยายามมุ่งเน้นใน อุตสาหกรรมใหม่สามประการ (เทคโนโลยี-พลังงาน-โมเดล) เรียกว่า Three NEW คือ พลังงานสะอาดโดยเฉพาะกลุ่มลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ โซลาร์เซลล์ เทคโนโลยีขั้นสูง AI นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ โมเดลธุรกิจแบบยั่งยืน มาเป็นเครื่องมือใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แม้ในปัจจุบันยังคงมีสัดส่วนราว 8% ของจีดีพีจีน แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จีนยังมีความจำเป็นในการต้องรักษากลุ่มอุตสาหกรรมเก่า Three OLD เช่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรักษาการจ้างงานในประเทศเอาไว้ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ซึ่งรวมถึงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเริ่มมีแนวโน้มที่อาจถูกส่งออกขายเพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก ดังนั้น โดยสรุป จากการที่จีนมีแนวโน้มที่ลดการอัดฉีดฝั่งอุปทานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนใหญ่ ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนในระยะถัดไปอาจขยายตัวได้ราว 3-5% และไม่ได้เติบโตสูงอย่างที่เป็นมาในทศวรรษก่อน
เทรนด์ธุรกิจ 2025 สิ่งต้องรู้สำหรับธุรกิจ SME
ปี 2025 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ธุรกิจไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสใหม่ ๆ ที่รอให้เข้าไปคว้า ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาดหรือการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก สำหรับ SME ต้องคำนึงถึงกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมการค้าโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากแนวโน้มที่สำคัญที่ได้กล่าวถึง ดังนี้
- การค้าโลกมุ่งหน้าสู่เอเชีย การค้าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงจากประเทศที่พัฒนาแล้วไปยังตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งมีโอกาสในการเติบโตมากขึ้น SME ควรหันมามองหาการค้ากับประเทศในเอเชียเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสใหม่ ๆ
- ปรับตัวให้ทันต่อการแยกตัวของห่วงโซ่อุปทาน การเกิดสงครามการค้าและมาตรการกีดกันทางการค้า ทำให้ผู้ประกอบการ SME จำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้นและมีมาตรฐานที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เช่น การใช้แนวคิด Go Green & ESG ในการผลิตและการตลาด
- มาตรฐาน ESG ที่เพิ่มขึ้น การใช้มาตรฐาน ESG จะกลายเป็นเรื่องสำคัญในธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้มาตรการทางการค้าจากประเทศตะวันตก SME ต้องเตรียมความพร้อมในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐานเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเข้าถึงตลาดโลก
- กลยุทธ์การบุกตลาด
- สหรัฐฯ และยุโรป หาช่องทางใหม่ในการส่งออก โดยเฉพาะจากสินค้าที่มีคุณภาพและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
- ตลาดจีน ใช้โอกาสจากช่องทางแพลตฟอร์มจีนที่ธุรกิจไทยเข้าถึงได้ในการรุกตลาดจีนที่มีประชากรจำนวนมาก พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน
- ตลาดอาเซียน ใช้ยุทธศาสตร์ที่ตั้งของไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
- ตลาดใหม่ในเอเชียและอื่น ๆ ค้นหาโอกาสในตลาดที่กำลังเติบโต เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
- การสร้างความยืดหยุ่น เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้า
ดังนั้นการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ รออยู่ SME ไทยต้องไม่หยุดนิ่ง เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ที่มา : คุณนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี และ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากงาน ttb Global Trade & FX Forum : The Future of Asia Economic Trends and Trade Challenges for Thailand 2025
finbiz by ttb
โครงการเสริมความรู้สู่การเป็น Smart SME ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม
พร้อมองค์ความรู้ ที่ครบครัน จาก Partner ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวผ่านความท้าทายของโลกปัจจุบัน
ปรับตัวตอบโจทย์ยุคดิจิทัล พร้อมมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME