external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ


บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการธนาคาร


ด้านกลยุทธ์และนโยบาย

  1. อนุมัติและทบทวนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของธนาคารในภาพรวม แผนธุรกิจของบริษัทในกลุ่มธุรกิจทาง การเงินของธนาคาร กรอบการกำกับดูแลความเสี่ยงที่ดี (Risk Governance Framework) รวมถึง นโยบายที่สำคัญและนโยบายด้านความเสี่ยงและขั้นตอนการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงของธนาคาร โดยครอบคลุมบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร รวมถึงบริษัทที่ธนาคารมีการลงทุน โดย คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่ดี
  2. อนุมัติงบประมาณรวมถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite)
  3. ปกป้องคุณค่าของธนาคารในระยะยาวซึ่งในที่นี้รวมหมายถึงแบรนด์และชื่อเสียงของธนาคาร
  4. พิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อกรณีที่วงเงินกู้เกินกว่าอำนาจอนุมัติของฝ่ายจัดการ หรืออำนาจดำเนินการ ที่กำหนดไว้
  5. พิจารณาอนุมัติเพดานความเสี่ยงอื่น ๆ และนโยบายตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่กำกับ ดูแลกำหนด
  6. กำหนดประเด็นและตารางเวลาที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการธนาคารระหว่างปี สำหรับประเด็นที่สำคัญๆ ที่ควรนำเสนอก่อนประเด็นทั่วไป เช่น กลยุทธ์ สถานะทางการเงิน ความคืบหน้าเกี่ยวกับงบประมาณและ แผนการดำเนินงาน การวางแผนเงินทุน ความเสี่ยงต่าง ๆ การประเมินผลการดำเนินงานของประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร และการกำกับดูแลการดำเนินการต่าง ๆ เช่น กระบวนการพิจารณาอนุมัติผลิตภัณฑ์
  7. พิจารณาอนุมัติอำนาจหน้าที่หรือมอบอำนาจอนุมัติพิจารณาสินเชื่อ เพดานความเสี่ยงด้านตลาด การเข้า ครอบครองกิจการ การขายกิจการ การลงทุน หรือการรับรู้หรือการเริ่มธุรกิจใหม่
  8. ดูแลให้บริษัทในกลุ่มของธนาคารและบริษัทที่ธนาคารมีการลงทุน นำนโยบายต่าง ๆของธนาคารไปปฏิบัติ หรือไปปรับใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริษัทนั้น
ด้านการกำกับการปฏิบัติงาน

  1. ควบคุมการปฏิบัติงานของฝ่ายจัดการให้เป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการธนาคารอันเป็นส่วนหนึ่ง ของการถ่วงดุลอำนาจเพื่อการกำกับการปฏิบัติงานที่ดี
  2. ดูแลให้ธนาคารบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม
  3. ให้มีการจัดทำนโยบายและมีกระบวนการแจ้งเบาะแสภายในองค์กร (Whistleblowing Policy and Procedure) ที่มีประสิทธิภาพ
  4. พบปะผู้บริหารระดับสูงเป็นประจำเพื่อทบทวนนโยบาย สร้างแนวทางการสื่อสารและการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเป้าหมายของธนาคาร
  5. ส่งเสริมความมั่นคงและแข็งแกร่งของธนาคาร เข้าใจลักษณะของกฎเกณฑ์ทางการและดำเนินการเพื่อให้ธนาคารดำรงความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานที่กำกับดูแล
  6. ให้คำปรึกษาแก่ฝ่ายจัดการ ตลอดจนคำแนะนำในการปฏิบัติงานตามที่ได้รวบรวมจากสถานการณ์ต่าง ๆ
  7. ทบทวนและพิจารณาอนุมัติรายการที่เกี่ยวโยงกันตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด และวงเงินสินเชื่อแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดในกรณีที่ ได้รับอนุญาตหรือต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด
  8. ดูแลให้ธนาคารมีการเปิดเผยข้อมูลด้านธรรมาภิบาลที่สำคัญต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นและสาธารณะ เพื่อ สนับสนุนและแสดงให้เห็นถึงการมีธรรมาภิบาลที่ดีของธนาคาร
  9. ดูแลและจัดการธนาคารให้มีการตรวจสอบและควบคุมที่ดีเป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์และข้อบังคับของธนาคาร รวมทั้งมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น
  10. การพิจารณามอบอำนาจและกำกับดูแลการกระจายอำนาจในการบริหารงานหรือดำเนินการในธุรกิจ ธนาคารภายใต้สิ่งที่คณะกรรมการธนาคารได้พิจารณาอนุมัติไว้
ด้านการจัดการองค์กร

  1. จัดระเบียบคณะกรรมการธนาคารและคณะกรรมการชุดย่อยที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  2. แต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยเพื่อให้ความช่วยเหลือในการทำหน้าที่และให้คำปรึกษาในเรื่องที่ต้องอาศัย ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแก่คณะกรรมการธนาคาร
  3. ประเมินประสิทธิภาพการกำกับดูแลกิจการธนาคาร รวมถึงเรื่องการเสนอชื่อและการคัดเลือกกรรมการ ธนาคาร การจัดการเรื่องข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ การแก้ไขจุดอ่อนที่มีและดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามความจำเป็น
  4. พัฒนาและรักษาระดับความรู้ ความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมตามธุรกิจของธนาคารที่เติบโตและมีความซับซ้อนมากขึ้น
  5. คัดเลือก ดูแล และปรับเปลี่ยนผู้บริหารหลักเมื่อจำเป็น โดยมั่นใจว่าธนาคารมีแผนการสืบทอดผู้บริหารที่เหมาะสม และผู้สืบทอดตำแหน่งเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมในการบริหารกิจการธนาคาร
  6. คัดเลือก ประเมิน และกำหนดค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารตลอดจนผู้บริหารระดับสูงที่กำหนด
  7. ดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าผลประโยชน์และค่าตอบแทนของธนาคารมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และข้อคิดเห็นของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
  8. ทบทวนโครงสร้างภายในของธนาคารอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าขอบเขตความรับผิดชอบของฝ่ายจัดการมีความชัดเจนทั่วทั้งองค์กร

บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการชุดย่อย


กฎบัตรคณะกรรมการตรวจสอบ

  1. ภารกิจ
  2. คณะกรรมการตรวจสอบสนับสนุนการทำหน้าที่ของคณะกรรมการธนาคาร มีอำนาจในการตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทในกลุ่มธุรกิจ โดยคำนึงถึงความซับซ้อน ลักษณะธุรกิจ นโยบายและกลยุทธ์การดำเนินงานในระยะยาว โดยครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้ (1) การสอบทานการจัดทำรายงานทางการเงิน (2) การสอบทานให้ธนาคารมีระบบการควบคุมภายในและระบบการตรวจสอบภายใน (3) การพิจารณาและอนุมัติแผนงานตรวจสอบประจำปี (4) การสอบทานการปฏิบัติตามเกณฑ์ (5) การพิจารณา คัดเลือก แต่งตั้งผู้สอบบัญชี (6) การพิจารณารายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (7) การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเบาะแส (Whistleblowers) (8) การสอบสวนพฤติการณ์อันควรสงสัยและการรายงานเหตุการณ์ทุจริต ผลประโยชน์ทับซ้อน และความบกพร่องที่สำคัญในระบบควบคุมภายใน ตลอดจนการปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือข้อกำหนดของทางการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง (9) การปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่คณะกรรมการธนาคารมอบหมาย และตามที่กฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกำหนด
  3. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
    1. 2.1 สอบทานให้ธนาคารมีการรายงานทางการเงินอย่างถูกต้องและเพียงพอ
    2. 2.2 สอบทานให้ธนาคารมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และระบบการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล และพิจารณาความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบภายใน ตลอดจนให้ความเห็นชอบในการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลิกจ้าง หัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายในก่อนนำเสนอคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล (NRCC) เพื่อเห็นชอบและเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่ออนุมัติตามลำดับ
    3. 2.3 ประเมินผลงานรวมถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน รวมถึงการตั้งดัชนีชี้วัดผลงาน (KPI) ของหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายใน
    4. 2.4 พิจารณาและอนุมัติแผนงานตรวจสอบประจำปี (Annual Audit Plan) ของหน่วยงานตรวจสอบ ภายในรวมถึงพิจารณาความเพียงพอของบุคลากร และงบประมาณที่ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อให้สำเร็จตามแผนที่กำหนดไว้
    5. 2.5 สอบทานและอนุมัติกฎบัตรตรวจสอบภายในอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้สะท้อนถึงวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานตรวจสอบภายใน ซึ่งสอดคล้องกับกรอบการปฏิบัติงานวิชาชีพตรวจสอบภายในที่เป็นสากล (The IIA's International Professional Practices Framework)
    6. 2.6 สอบทานให้ธนาคารปฏิบัติตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของธนาคาร
    7. 2.7 พิจารณา คัดเลือก เสนอแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีความเป็นอิสระเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีของ ธนาคาร และเสนอค่าตอบแทนของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งเสนอการเลิกจ้างผู้สอบบัญชีของธนาคาร รวมทั้งเข้าร่วมประชุมกับผู้สอบบัญชีโดยไม่มีฝ่ายจัดการเข้าร่วมประชุมด้วยเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
    8. 2.8 พิจารณาอนุมัติการว่าจ้างหรือการทำข้อตกลงกับผู้สอบบัญชีในภารกิจอื่นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือนอกเหนือจากงานสอบบัญชี (Audit-Related and Other Services)
    9. 2.9 พิจารณารายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ารายการดังกล่าวสมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์ต่อธนาคาร
    10. 2.10 จัดทำรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบโดยเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของธนาคาร ซึ่งรายงานดังกล่าวต้องลงนามโดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และต้องประกอบด้วยข้อมูลอย่างน้อยดังต่อไปนี้
      1. 2.10.1 ความเห็นเกี่ยวกับความถูกต้อง ครบถ้วน เป็นที่เชื่อถือได้ของรายงานทางการเงินของธนาคาร
      2. 2.10.2 ความเห็นเกี่ยวกับความเพียงพอของระบบควบคุมภายในของธนาคาร
      3. 2.10.3 ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของธนาคาร
      4. 2.10.4 ความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้สอบบัญชี
      5. 2.10.5 ความเห็นเกี่ยวกับรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
      6. 2.10.6 จำนวนการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ และการเข้าร่วมประชุมของกรรมการตรวจสอบแต่ละคน
      7. 2.10.7 ความเห็นหรือข้อสังเกตโดยรวมที่คณะกรรมการตรวจสอบได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎบัตร (Charter)
      8. 2.10.8 รายการอื่นที่เห็นว่าผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปควรทราบภายใต้ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
    11. 2.11 ดำเนินการสอบสวนโดยไม่ชักช้าเมื่อได้รับแจ้งจากผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับพฤติการณ์อันควรสงสัยและรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และผู้สอบบัญชีทราบ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้สอบบัญชี และรายงานต่อคณะกรรมการธนาคาร เพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่คณะกรรมการตรวจสอบเห็นสมควร ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบพบหรือมีข้อสงสัยว่ามีรายการหรือการกระทำ ดังต่อไปนี้
      1. 2.11.1 ผลประโยชน์ทับซ้อน
      2. 2.11.2 กรณีทุจริตหรือข้อบ่งชี้ว่าอาจมีการทุจริต หรือบกพร่องที่สำคัญในระบบควบคุมภายใน
      3. 2.11.3 การปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือข้อกำหนดของทางการที่เกี่ยวข้อง
      หากคณะกรรมการธนาคารหรือผู้บริหารไม่ดำเนินการให้มีการปรับปรุงแก้ไขภายในเวลา ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบกำหนด คณะกรรมการตรวจสอบจะต้องเปิดเผยการกระทำดังกล่าวไว้ในรายงานประจำปี และรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    12. 2.12 ดำเนินการตามความเหมาะสม เมื่อได้รับแจ้งในเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมหรือเหตุการณ์อันควรสงสัยจากบุคคลทั้งภายในและ/หรือภายนอกธนาคาร รวมทั้งจากผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblowers)
    13. 2.13 สอบทานความเหมาะสมของมาตรการและการดำเนินการแก้ไขของฝ่ายจัดการตามรายงานผลการตรวจสอบและการสั่งการของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
    14. 2.14 สอบทานความถูกต้องน่าเชื่อถือของรายงานทางการเงินของบริษัทในเครือ การปฏิบัติตามนโยบายและมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ธนาคารกำหนดขึ้น เพื่อให้บริษัทในเครือถือปฏิบัติ รวมทั้งที่เกี่ยวกับการควบคุมภายในและการตรวจสอบ
    15. 2.15 ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการธนาคารมอบหมายด้วยความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบ
    16. 2.16 ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่กฎหมายกำหนด
  4. องค์ประกอบ
    1. 3.1 คณะกรรมการตรวจสอบต้องมีความเป็นอิสระ มีความรู้และประสบการณ์ที่เหมาะสมในธุรกิจสถาบันการเงิน รวมถึงบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน โดยต้องมีองค์ประกอบและคุณสมบัติตาม ประกาศของคณะกรรมการตลาดทุน
    2. 3.2 คณะกรรมการตรวจสอบประกอบด้วยกรรมการอิสระอย่างน้อย 3 คน โดยได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการธนาคาร
    3. 3.3 ประธานคณะกรรมการตรวจสอบแต่งตั้งและถอดถอนโดยคณะกรรมการธนาคาร
    4. 3.4 ต้องมีกรรมการตรวจสอบอย่างน้อยหนึ่งคนที่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในการสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินได้
    5. 3.5 ต้องมีเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบหนึ่งคน ทำหน้าที่จัดประชุม และจดบันทึกการประชุม
    6. 3.6 สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบมีวาระการดำรงตำแหน่ง ตามวาระการเป็นกรรมการธนาคาร
    7. 3.7 สมาชิกภาพของกรรมการตรวจสอบสิ้นสุดลงโดยการ
      1. 3.7.1 พ้นสภาพการเป็นกรรมการธนาคาร
      2. 3.7.2 ลาออก
      3. 3.7.3 ถูกถอดถอน
    8. 3.8 กรรมการที่พ้นวาระการดำรงตำแหน่ง อาจได้รับแต่งตั้งให้กลับเข้ารับหน้าที่ได้อีก
  5. การประชุม
    1. 4.1 องค์ประชุม
      1. 4.1.1 องค์ประชุมต้องประกอบด้วยกรรมการตรวจสอบ อย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการตรวจสอบทั้งหมด
      2. 4.1.2 ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการตรวจสอบไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธาน คณะกรรมการตรวจสอบ ให้รองประธานคณะกรรมการตรวจสอบเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบ หรือมี แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการตรวจสอบซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการตรวจสอบคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทน เป็นการเฉพาะคราว
    2. 4.2 กำหนดการประชุม
      กำหนดการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง หรือตามความจำเป็น โดยคำสั่งของประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
    3. 4.3 รูปแบบการประชุม
      1. 4.3.1 การประชุมสามารถดำเนินการในรูปแบบการจัดให้คณะกรรมการตรวจสอบเข้าร่วมประชุม ณ สถานที่จัดการประชุม และหรือเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
      2. 4.3.2 กรณีสำคัญและเร่งด่วน การส่งเรื่องให้กรรมการตรวจสอบ เพื่อขอมติเวียนสามารถดำเนินการได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ทั้งนี้ หากประธานคณะกรรมการตรวจสอบไม่สามารถอนุมัติได้ ให้เสนอต่อประธานคณะกรรมการธนาคาร เป็นผู้พิจารณาอนุมัติแทน
    4. 4.4 การลงมติ
      1. 4.4.1 กรรมการตรวจสอบหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง เว้นแต่ กรรมการตรวจสอบซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      2. 4.4.2 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการตรวจสอบที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง
      3. 4.4.3 ในกรณีที่คะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
      4. 4.4.4 กรณีการขอมติเวียน ต้องส่งเรื่องให้กรรมการตรวจสอบทุกคนพิจารณา และการวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือตามเสียงข้างมากของกรรมการตรวจสอบที่ไม่ได้มีการแจ้งลาในช่วงเวลาที่มีการขอมติเวียน
    5. 4.5 การรายงาน
      จัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่อรับทราบการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
    6. 4.6 เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ
      คณะกรรมการตรวจสอบเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อสนับสนุนการ ทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบ โดยรวมถึงการดูแลให้มีการจัดทำรายงานการประชุม คณะกรรมการตรวจสอบทุกครั้ง และจัดเก็บเอกสารเพื่อการตรวจสอบ รวมถึงนำส่งต่อหน่วยงาน ทางการตามที่กฎเกณฑ์กำหนดไว้ (ถ้ามี)

รายงานคณะกรรมการตรวจสอบ

กฎบัตรคณะกรรมการบริหาร

  1. ภารกิจ
  2. คณะกรรมการบริหารมีอำนาจในการพิจารณา ทบทวนและนำเสนองบประมาณประจำปี แผนธุรกิจของธนาคาร แผนการใช้เงินทุน การติดตามผลประกอบการและผลการดำเนินงานตามสายงานธุรกิจของธนาคาร การดูแลผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม และบริษัทที่ธนาคารมีการลงทุน โดยสอดคล้องกับนโยบายของธนาคาร การทบทวนและนำเสนอหรืออนุมัติการลงทุนขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแผนงานและกลยุทธ์ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย การทบทวนและนำเสนอแผนธุรกิจใหม่ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร การวางแผนการลงทุนในบริษัทอื่น การติดตามความคืบหน้าการบริหารแบรนด์และการสื่อสารขององค์กร รวมถึงปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่คณะกรรมการธนาคารมอบหมาย
  3. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
    1. 2.1 ทบทวนผลการดำเนินงานของธนาคาร ดังต่อไปนี้
      1. 2.1.1 ทบทวน และนำเสนองบประมาณประจำปี แผนธุรกิจของธนาคาร รวมถึงแผนการใช้เงินทุน
      2. 2.1.2 ติดตามผลประกอบการและผลการดำเนินงานตามสายงานธุรกิจของธนาคาร
      3. 2.1.3 ดูแลผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มและบริษัทที่ธนาคารมีการลงทุน โดยสอดคล้องกับนโยบายของธนาคาร
    2. 2.2 ทบทวน และนำเสนอ หรืออนุมัติการลงทุนขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแผนงานและกลยุทธ์ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย
    3. 2.3 ทบทวนและนำเสนอหรืออนุมัติแผนเงินลงทุนตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย
    4. 2.4 ทบทวน และนำเสนอแผนธุรกิจใหม่ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร รวมถึงแผนการลงทุนในบริษัทอื่น
    5. 2.5 ทบทวนและนำเสนอการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบในระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร
    6. 2.6 อนุมัติการขายหนี้กลุ่มสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL Portfolio Sale) และทรัพย์สินรอการขายแบบกลุ่ม(NPA Portfolio Sale)
    7. 2.7 การจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย และการตัดจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายออกจากบัญชีสำหรับธุรกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ ซึ่งเกินอำนาจอนุมัติของฝ่ายจัดการ และไม่ใช่ลูกหนี้ related parties หรือเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่เกิน SLL
    8. 2.8 ติดตามความคืบหน้าการบริหารการเปลี่ยนแปลงของธนาคารซึ่งนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพของธนาคารในอนาคต
    9. 2.9 ติดตามความคืบหน้าการบริหารแบรนด์และการสื่อสารขององค์กร
    10. 2.10 ทบทวนผลการดำเนินงานของคณะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEC) และให้คำปรึกษาแก่ฝ่ายจัดการในประเด็นที่เร่งด่วนหรือสำคัญ ตลอดจนทบทวนประเด็นสำคัญต่างๆ ที่ฝ่ายจัดการเสนอ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการธนาคาร
    11. 2.11 กำกับดูแลการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของธนาคารและแผนการลงทุนด้าน IT เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและระบบงานรองรับการให้บริการด้านดิจิทัลของธุรกิจรวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ
    12. 2.12 กำกับดูแลให้มีการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับข้อมูลของลูกค้า คุณภาพของข้อมูลและความปลอดภัยของข้อมูล
    13. 2.13 ติดตามการควบคุมและดูแลการปฏิบัติในการดูแลความปลอดภัยของระบบและการบริหารจัดการช่องโหว่ต่อภัยคุกคามจากไซเบอร์เพื่อให้ข้อมูลมีความเชื่อถือได้และปลอดภัยเป็นไปตามนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่กำหนดรวมถึงรายงานให้คณะกรรมการธนาคารทราบถึงการเปิดเผยข้อมูลด้าน IT และความปลอดภัยด้านไซเบอร์
    14. 2.14 การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยภายใต้การจัดการของคณะกรรมการบริหารและการกำกับดูแลงานคณะกรรมการชุดย่อยให้มีความชัดเจน
    15. 2.15 อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการ โดยเป็นไปตามเอกสารสนับสนุนการปฏิบัติงาน เรื่องอำนาจอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณประเภทต่าง ๆ
    16. 2.16 ดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการบริหารพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นตามหน้าที่และความรับผิดชอบ หรือดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ที่ได้รับการมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
  4. องค์ประกอบ
  5. คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย กรรมการธนาคารจำนวน 5 คน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 1 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการธนาคาร
  6. การประชุม
    1. 4.1 องค์ประชุม
      1. 4.1.1 องค์ประชุมต้องประกอบด้วยกรรมการบริหารอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบริหารทั้งหมด
      2. 4.1.2 ประธานคณะกรรมการบริหารทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการบริหารไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานคณะกรรมการบริหารให้รองประธานคณะกรรมการบริหารเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานคณะ กรรมการบริหาร หรือมี แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการบริหารซึ่งมาประชุมเลือก กรรมการบริหารคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทน เป็นการเฉพาะคราว
    2. 4.2 กำหนดการประชุม
      กำหนดการประชุมเดือนละ 2 ครั้ง หรือตามความจำเป็น โดยคำสั่งของประธานคณะกรรมการบริหาร
    3. 4.3 รูปแบบการประชุม
      1. 4.3.1 การประชุมสามารถดำเนินการในรูปแบบการจัดให้คณะกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุม ณ สถานที่จัดการประชุม และหรือเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
      2. 4.3.2 กรณีสำคัญและเร่งด่วน การส่งเรื่องให้กรรมการบริหารเพื่อขอมติเวียนสามารถดำเนินการได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากประธานคณะกรรมการบริหาร ทั้งนี้ หากประธานคณะกรรมการบริหารไม่สามารถอนุมัติได้ ให้เสนอต่อประธานคณะกรรมการธนาคารเป็นผู้พิจารณาอนุมัติแทน
    4. 4.4 การลงมติ
      1. 4.4.1 กรรมการบริหารหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง เว้นแต่ กรรมการบริหารซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      2. 4.4.2 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการบริหารที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง
      3. 4.4.3 ในกรณีที่คะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
      4. 4.4.4 กรณีการขอมติเวียน ต้องส่งเรื่องให้กรรมการบริหารทุกคนพิจารณา และการวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือตามเสียงข้างมากของกรรมการบริหารที่ไม่ได้มีการแจ้งลาในช่วงเวลาที่มีการขอมติเวียน
    5. 4.5 การรายงาน
      จัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่อรับทราบการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
    6. 4.6 เลขานุการคณะกรรมการบริหาร
      คณะกรรมการบริหารเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการบริหาร เพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการบริหาร โดยรวมถึงการดูแลให้มีการจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารทุกครั้ง และจัดเก็บเอกสารเพื่อการตรวจสอบ รวมถึงนำส่งต่อหน่วยงานทางการตามที่กฎเกณฑ์กำหนดไว้ (ถ้ามี)

รายงานคณะกรรมการบริหาร

กฎบัตรคณะกรรมการสินเชื่อ

  1. ภารกิจ
  2. คณะกรรมการสินเชื่อมีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การแก้ไขและปรับปรุงหนี้ ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ และความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับรายการการลงทุนหรือภาระผูกพันในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และอื่น ๆ ที่เกินจากอำนาจของฝ่ายจัดการ ตามที่ได้รับมอบหมาย
  3. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
    1. 2.1 พิจารณาอนุมัติเรื่องที่เกินจากอำนาจอนุมัติของฝ่ายจัดการ ดังต่อไปนี้
      1. 2.1.1 สินเชื่อ
      2. 2.1.2 การแก้ไขและปรับปรุงหนี้
      3. 2.1.3 การตัดจำหน่ายหนี้สูญทางบัญชี
      4. 2.1.4 การเข้าซื้อทรัพย์สิน / ตีโอนทรัพย์ชำระหนี้ ซึ่งเกินอำนาจอนุมัติของฝ่ายจัดการ และไม่ใช่ลูกหนี้ related parties หรือเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่เกิน SLL
      5. 2.1.5 การจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย และการตัดจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายออกจากบัญชีสำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ ซึ่งเกินอำนาจอนุมัติของคณะกรรมการชุดย่อยภายใต้ระดับบริหาร และไม่ใช่ลูกหนี้ related parties หรือเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่เกิน SLL
    2. 2.2 ทบทวนคำขออนุมัติสินเชื่อเฉพาะเรื่องสำหรับลูกหนี้ related parties หรือกลุ่มลูกหนี้ที่เกิน SLL ก่อนนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการธนาคาร
    3. 2.3 พิจารณาอนุมัติสินเชื่อสำหรับลูกหนี้รายที่มีวงเงินเกิน SEL Customer แต่ยังคงอยู่ภายใต้ Group SELตามที่กำหนดไว้ในอำนาจอนุมัติสินเชื่อ Corporate Lending DoA และ SEL Policy รวมถึงให้ ความเห็นชอบสำหรับคำขออนุมัติสินเชื่อลูกหนี้ที่มีวงเงินกลุ่มเกิน %Group SEL ภายใต้อำนาจอนุมัติของคณะกรรมการสินเชื่อเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการธนาคาร
    4. 2.4 ทบทวนการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อของคณะกรรมการด้านสินเชื่อในระดับบริหาร (CUC/CRC1)
    5. 2.5 พิจารณาอนุมัติความเสี่ยงด้านสินเชื่อและความเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับรายการการลงทุน หรือความผูกพันในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เกินจากอำนาจอนุมัติของฝ่ายจัดการ
    6. 2.6 พิจารณาให้ความเห็นชอบ account plan สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมเกิน 5,000 ล้านบาท เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการธนาคาร (BoD) เพื่อทราบ
    7. 2.7 ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่คณะกรรมการมอบหมายหรือกฎหมายกำหนด
  4. องค์ประกอบ
  5. คณะกรรมการสินเชื่อประกอบด้วยกรรมการ 5 คน โดยเป็นกรรมการธนาคาร 3 คน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 1 คน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยงซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการธนาคาร 1 คน
  6. การประชุม
    1. 4.1 องค์ประชุม
      1. 4.1.1 องค์ประชุมต้องประกอบด้วยกรรมการสินเชื่อเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการสินเชื่อทั้งหมด
      2. 4.1.2 ประธานคณะกรรมการสินเชื่อทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการสินเชื่อไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานคณะกรรมการสินเชื่อให้รองประธานคณะกรรมการสินเชื่อเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานคณะกรรมการสินเชื่อ หรือมี แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการสินเชื่อ ซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการสินเชื่อคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทน เป็นการเฉพาะคราว
    2. 4.2 กำหนดการประชุม
      กำหนดการประชุมเดือนละ 2 ครั้ง หรือตามความจำเป็น โดยคำสั่งของประธานคณะกรรมการสินเชื่อ
    3. 4.3 รูปแบบการประชุม
      1. 4.3.1 การประชุมสามารถดำเนินการในรูปแบบการจัดให้คณะกรรมการสินเชื่อเข้าร่วมประชุม ณ สถานที่จัดการประชุม และหรือเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
      2. 4.3.2 กรณีสำคัญและเร่งด่วน การส่งเรื่องให้กรรมการสินเชื่อเพื่อขอมติเวียนสามารถดำเนินการได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากประธานคณะกรรมการสินเชื่อ ทั้งนี้ หากประธานคณะกรรมการสินเชื่อไม่สามารถอนุมัติได้ ให้เสนอต่อประธานคณะกรรมการธนาคารเป็นผู้พิจารณาอนุมัติแทน
    4. 4.4 การลงมติ
      1. 4.4.1 กรรมการสินเชื่อหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง เว้นแต่ กรรมการสินเชื่อซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      2. 4.4.2 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการสินเชื่อให้ถือตามเสียงข้างมากของกรรมการสินเชื่อที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง
      3. 4.4.3 ในกรณีที่คะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
      4. 4.4.4 กรณีการขอมติเวียน ต้องส่งเรื่องให้กรรมการสินเชื่อทุกคนพิจารณา และการวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือตามเสียงข้างมากของกรรมการสินเชื่อที่ไม่ได้มีการแจ้งลาในช่วงเวลาที่มีการขอมติเวียน
    5. 4.5 การรายงาน
      จัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่อรับทราบการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
    6. 4.6 เลขานุการคณะกรรมการสินเชื่อ
      คณะกรรมการสินเชื่อเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการสินเชื่อ เพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสินเชื่อ โดยรวมถึงการดูแลให้มีการจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการสินเชื่อทุกครั้ง และจัดเก็บเอกสารเพื่อการตรวจสอบ รวมถึงนำส่งต่อหน่วยงานทางการตามที่กฎเกณฑ์กำหนดไว้ (ถ้ามี)

รายงานคณะกรรมการสินเชื่อ

กฎบัตรคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

  1. ภารกิจ
  2. คณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศมีอำนาจในการกำกับดูแลเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามกรอบการบริหารความเสี่ยง สอดคล้องกับกลยุทธ์และการกำกับดูแลของธนาคารโดยรวม
  3. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
    1. 2.1 กำกับดูแลแผนกลยุทธ์และการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดย
      1. 2.1.1 เห็นชอบหรือทบทวนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างน้อยปีละครั้งเพื่อให้มั่นใจว่า
        • เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์และทิศทางในการดำเนินงานของธนาคาร
        • โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีมีความยืดหยุ่นที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต
        • ธนาคารมีการประเมินความพร้อม หรือระดับวุฒิภาวะ (Maturity Level) ของเทคโนโลยี สารสนเทศ รวมถึงความสามารถในการรับมือกับภัยไซเบอร์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
      2. 2.1.2 ติดตามผลการดำเนินโครงการที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นส่วนสำคัญ รวมถึงโครงการที่มีความเสี่ยงต่อการดำเนินงานของธนาคาร
    2. 2.2 กำกับดูแลให้มีนโยบายและการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งในภาวะปกติ และในภาวะวิกฤตที่เหมาะสม โดย
      1. 2.2.1 สนับสนุนให้มีการจัดการโครงสร้างองค์กรที่ทำให้การบริหารความเสี่ยงมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจนตามหลักการควบคุมดูแล 3 ระดับ (three lines of defense)
      2. 2.2.2 ติดตามสถานะความเสี่ยง ประสิทธิผลของการบริหารความเสี่ยง รวมถึงประเด็นที่มีนัยสำคัญซึ่งครอบคลุมการแก้ไขปัญหาหรือประเด็นที่มีนัยสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
    3. 2.3 กำกับดูแลงบประมาณการลงทุนและงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์และให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
    4. 2.4 กำกับดูแลให้มีการเสริมสร้างความรู้และตระหนักถึงความเสี่ยงเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศแก่พนักงาน
    5. 2.5 ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่กฎหมายกำหนด และ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
  4. องค์ประกอบ
  5. คณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยกรรมการ 6 คน โดยเป็นกรรมการธนาคารซึ่งไม่ใช่ผู้บริหาร 1 คน กรรมการอิสระ 4 คน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 1 คน
  6. การประชุม
    1. 4.1 องค์ประชุม
      1. 4.1.1 องค์ประชุมต้องประกอบด้วยกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
      2. 4.1.2 ประธานคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการธนาคารซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการอิสระ หรือ กรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหาร คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทน
    2. 4.2 กำหนดการประชุม
      กำหนดการประชุมอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง หรือตามความจำเป็น โดยคำสั่งของประธานคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
    3. 4.3 รูปแบบการประชุม
      1. 4.3.1 การประชุมสามารถดำเนินการในรูปแบบการจัดให้คณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าร่วมประชุม ณ สถานที่จัดการประชุม และหรือเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
      2. 4.3.2 ในกรณีเร่งด่วนสามารถเวียนขอมติโดยนับเป็นองค์ประชุมได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากประธานคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
    4. 4.4 การลงมติ
      1. 4.4.1 กรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง เว้นแต่ กรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      2. 4.4.2 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศให้ถือตามเสียงข้างมากของกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง
      3. 4.4.3 ในกรณีที่คะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
      4. 4.4.4 กรณีเสนอเพื่ออนุมัติโดยการเวียนมติ ต้องส่งเรื่องให้กรรมการทุกคนพิจารณา
    5. 4.5 การรายงาน
      คณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศเสนอรายงานต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อรับทราบการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ โดยรายงานควรครอบคลุมถึงสถานะความเสี่ยง ประสิทธิผลของการบริหารความเสี่ยง รวมถึงประเด็นที่มีนัยสำคัญในการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ
    6. 4.6 เลขานุการคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
      คณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยรวมถึงการดูแลให้มีการจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศทุกครั้ง และจัดเก็บเอกสารเพื่อ การตรวจสอบ รวมถึงนำส่งต่อหน่วยงานทางการตามที่กฎเกณฑ์กำหนดไว้ (ถ้ามี)

รายงานคณะกรรมการกำกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

กฎบัตรคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล

  1. ภารกิจ
  2. คณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลมีอำนาจในการพิจารณา กลั่นกรอง เสนอชื่อบุคคลต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาแต่งตั้งดำรงตำแหน่งกรรมการธนาคาร กรรมการในคณะกรรมการชุดย่อย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้บริหารระดับสูง พิจารณาทบทวนค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารระดับสูงเพื่อให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย กลยุทธ์ การควบคุมภายในสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมองค์กร พิจารณาทบทวนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และด้านบรรษัทภิบาลให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่คณะกรรมการธนาคารมอบหมายและตามที่กฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกำหนด
  3. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
    1. 2.1 ด้านสรรหา
      1. 2.1.1 ทบทวนและเสนอนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา คัดเลือก และแต่งตั้งบุคคลดังต่อไปนี้
        โดยใช้ skill matrix ประกอบการวิเคราะห์ ให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาอนุมัติ
        • (ก) กรรมการธนาคาร
        • (ข) กรรมการและประธานในคณะกรรมการชุดย่อย
        • (ค) ตัวแทนธนาคารในฐานะกรรมการผู้แทน ประธาน หรือผู้บริหารสูงสุดของบริษัทในกลุ่ม หรือกิจการที่ธนาคารมีสิทธิในการแต่งตั้งกรรมการผู้แทน
        • (ง) ผู้บริหารระดับสูง
      2. 2.1.2 กลั่นกรอง พิจารณาบุคคลสำหรับเสนอชื่อ และนำเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามข้อ 2.1.1
      3. 2.1.3 เสนอแผนสืบทอดตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาอนุมัติ
      4. 2.1.4 ทบทวนและติดตามให้มีการนำนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการ และแผนงานตามข้อ 2.1.1 และข้อ 2.1.3 ไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผล และรายงานให้คณะกรรมการธนาคารรับทราบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
    2. 2.2 ด้านกำหนดค่าตอบแทน
      1. 2.2.1 พิจารณาทบทวน นโยบาย โครงสร้าง และแนวปฏิบัติโดยรวมเกี่ยวกับค่าตอบแทนของธนาคารและบริษัทในกลุ่มรวมถึงดูแลให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณะ รวมถึงสวัสดิการ การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อกำหนดผลตอบแทน เงินรางวัล และเงินชดเชยกรณีการเลิกจ้าง เพื่อให้มีความสอดคล้องกับมติคณะกรรมการธนาคาร วัฒนธรรมเป้าหมาย กลยุทธ์และสภาพแวดล้อมการควบคุมภายใน การเพิ่มมูลค่าของส่วนของผู้ถือหุ้น ในระยะยาว และมีความเหมาะสมเป็นธรรมกับบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ การบริหารความเสี่ยงและผลการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล และเทียบเคียงได้กับอัตราผลตอบแทนในตลาด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและให้ข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายจัดการ และคณะกรรมการธนาคารตามความเหมาะสม
      2. 2.2.2 เสนอจำนวนเงินค่าตอบแทนและสวัสดิการของกรรมการธนาคารและกรรมการในคณะกรรมการชุดย่อยต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาอนุมัติ (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น)
      3. 2.2.3 อนุมัติค่าตอบแทน สวัสดิการ ผลตอบแทนที่เป็นรางวัล หรือเงินชดเชยกรณีการเลิกจ้างของผู้บริหารระดับสูง (หรือในกรณีประธานเจ้าหน้าที่บริหารเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาอนุมัติ)
    3. 2.3 ด้านบรรษัทภิบาล
      1. 2.3.1 ทบทวนและเสนอการเปลี่ยนแปลงนโยบาย จรรยาบรรณ กฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติโดยคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนรวมทั้งปลูกฝังให้มีวัฒนธรรมองค์กร ต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาอนุมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามมาตรฐานสูงสุด มีจริยธรรมตามแนวปฏิบัติที่เป็นสากล ตลอดจน ดูแล ติดตาม และรายงานให้คณะกรรมการธนาคารทราบเกี่ยวกับการดำเนินการและประสิทธิผลของการดำเนินการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
      2. 2.3.2 เสนอขนาดและองค์ประกอบของคณะกรรมการธนาคารและคณะกรรมการชุดย่อยที่เหมาะสมตลอดจนบทบาท ขอบเขต อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดย่อยแต่ละคณะที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร ต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาอนุมัติ
      3. 2.3.3 เสนอนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะของคณะกรรมการธนาคารและคณะกรรมการชุดย่อย ต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาอนุมัติ และรายงานผลให้คณะกรรมการธนาคารทราบ
      4. 2.3.4 ทบทวนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับนโยบายด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารในระยะยาว โดยมีกรอบการดำเนินงาน 4 ด้าน ได้แก่ ความยั่งยืนทางธุรกิจ ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนด้านสังคม และบรรษัทภิบาล และจรรยาบรรณทางธุรกิจ
    4. 2.4 หน้าที่อื่นๆ
      1. 2.4.1 ดำเนินการเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทและขอบเขตหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล และคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทน และบรรษัทภิบาล พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นตามความรับผิดชอบตามที่กล่าวมาข้างต้น หรือได้รับการมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
      2. 2.4.2 จัดทำรายงานและเปิดเผยข้อมูลการทำงานแก่คณะกรรมการธนาคาร หน่วยงานที่กำกับดูแลธนาคาร ผู้ถือหุ้น และสาธารณชนตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
      3. 2.4.3 ทบทวนและให้คำแนะนำคณะกรรมการธนาคาร ในเรื่องของการไปดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือที่ปรึกษาในบริษัทอื่น ๆ ของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
      4. 2.4.4. พิจารณา อนุมัติบทบาทของการเป็นกรรมการบริษัทและที่ปรึกษาในบริษัทอื่น ๆ ของผู้บริหารระดับสูง
  4. องค์ประกอบ
  5. ประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลต้องเป็นกรรมการอิสระและคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลต้องประกอบด้วยกรรมการอิสระหรือกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารอย่างน้อย 3 คน โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
  6. การประชุม
    1. 4.1 องค์ประชุม
      1. 4.1.1 องค์ประชุมต้องประกอบด้วยกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล อย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ทั้งหมด
      2. 4.1.2 ประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ให้รองประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล หรือมี แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทน เป็นการเฉพาะคราว
    2. 4.2 กำหนดการประชุม
      กำหนดการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง หรือตามความจำเป็นโดยคำสั่งของประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล
    3. 4.3 รูปแบบการประชุม
      1. 4.3.1 การประชุมสามารถดำเนินการในรูปแบบการจัดให้คณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล เข้าร่วมประชุม ณ สถานที่จัดการประชุม และหรือเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
      2. 4.3.2 กรณีสำคัญและเร่งด่วน การส่งเรื่องให้กรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล เพื่อขอมติเวียนสามารถดำเนินการได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ทั้งนี้ หากประธานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ไม่สามารถอนุมัติได้ ให้เสนอต่อประธานคณะกรรมการธนาคารเป็นผู้พิจารณาอนุมัติแทน
    4. 4.4 การลงมติ
      1. 4.4.1 กรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง เว้นแต่ กรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      2. 4.4.2 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลให้ถือเสียงข้างมาก ของกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลที่เข้าประชุม และมีสิทธิออกเสียง
      3. 4.4.3 ในกรณีที่คะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
      4. 4.4.4 กรณีการขอมติเวียน ต้องส่งเรื่องให้กรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลทุกคนพิจารณา และการวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือตามเสียงข้างมากของกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลที่ไม่ได้มีการแจ้งลาในช่วงเวลาที่มีการขอมติเวียน
    5. 4.5 การรายงาน
      จัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่อรับทราบการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
    6. 4.6 เลขานุการคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล
      คณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล เพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล โดยรวมถึงการดูแลให้มีการจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ทุกครั้ง และจัดเก็บเอกสารเพื่อการตรวจสอบ รวมถึงนำส่งต่อหน่วยงานทางการตามที่กฎเกณฑ์กำหนดไว้ (ถ้ามี)

รายงานคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล

กฎบัตรคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง

  1. ภารกิจ
  2. คณะกรรมการกำกับความเสี่ยงมีอำนาจในการกำกับดูแลด้านความเสี่ยงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามกรอบการบริหารความเสี่ยงของธนาคารและกลุ่มธุรกิจทางการเงิน และสอดคล้องกับกรอบการกำกับดูแลของธนาคารและกลุ่มธุรกิจทางการเงินโดยรวม
  3. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
    1. 2.1 นำเสนอกรอบการกำกับดูแลความเสี่ยงที่ดี (Risk Governance Framework)* รวมถึง นโยบายการ บริหารความเสี่ยงโดยรวม ต่อคณะกรรมการธนาคาร โดยครอบคลุมถึงความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงด้านตลาด ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ความเสี่ยงด้าน เงินกองทุน ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (รวมถึงความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์) ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์และด้านชื่อเสียงความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความเสี่ยงด้านอื่นๆ
      1. 2.1.1 ให้คำแนะนำต่อคณะกรรมการธนาคารในเรื่องนโยบายและกรอบงานที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) ระดับความเสี่ยงที่สามารถทนได้ ( Tolerance) และกลยุทธ์ความเสี่ยง (Risk Strategy) ของธนาคารและหน่วยงานธุรกิจ รวมถึง อำนาจหรือการมอบอำนาจอนุมัติด้านเครดิต
      2. 2.1.2 ให้ความเห็นต่อคณะกรรมการธนาคารในการอนุมัติระดับความเสี่ยง (Risk Level) และการกระจุกตัวของความเสี่ยง (Risk Concentration) ทั้งนี้ โดยอยู่ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคณะกรรมการธนาคาร
      3. 2.1.3 อนุมัตินโยบายและกรอบงานที่สำคัญเพื่อใช้กำกับการบริหารความเสี่ยง รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการกำกับดูแลความเสี่ยง (Risk Governance) ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
      4. 2.1.4 อนุมัติการมอบอำนาจอนุมัติตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
      5. 2.1.5 รับทราบการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ/ ไม่มีนัยสำคัญ จากการทบทวน/ แก้ไขนโยบายแนวทางมาตรฐานขั้นต่ำการปฏิบัติงาน, โปรแกรมผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ และการมอบอำนาจอนุมัติ ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการชุดย่อยภายใต้ระดับบริหารเป็นรายไตรมาส/รายปีตามลำดับ
      6. 2.1.6 กำกับดูแลเงินกองทุนและการบริหารความเสี่ยงด้านกลยุทธ์สภาพคล่อง เพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
      7. 2.1.7 กำกับดูแลความเหมาะสมของการกำหนดนโยบายและมาตรฐานในการจัดให้มีระบบเทคโนโลยีข้อมูลสารสนเทศ และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์ตามมาตรฐานสากล
      8. 2.1.8 กำกับดูแลเทคโนโลยีข้อมูลสารสนเทศ และความเสี่ยงด้านไซเบอร์ให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในการกำกับดูแลความเสี่ยงในภาพรวม
      9. 2.1.9 ทบทวนและรับรองทิศทางกลยุทธ์และนโยบายหลัก และกำกับดูแลการบริหารจัดการความ เสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
    2. 2.2 วางกลยุทธ์ให้มีความสอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยง ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวต้องสามารถประเมิน ติดตาม และดูแลได้ว่าระดับความเสี่ยงของสถาบันการเงินอยู่ในระดับที่เหมาะสม
      1. 2.2.1 อนุมัติเพดานความเสี่ยงส่วนเพิ่มเติม (Supplemental Risk Limit) ตามที่กำหนดไว้ในนโยบาย และกรอบงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
      2. 2.2.2 ทบทวนความเพียงพอของนโยบายและระบบการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร รวมถึงประสิทธิภาพของนโยบายและระบบการบริหารความเสี่ยงในแง่ของ การระบุ การวัด การรวบรวม การควบคุม และการรายงานความเสี่ยงว่าได้มีการดำเนินการโดยผู้บริหารระดับสูง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยง (CRO)

        * ตามที่กำหนดในประกาศธปท.สนส.1/2566 เรื่อง ธรรมาภิบาลของสถาบันการเงินและกลุ่มธุรกิจทางการเงิน และสนส.4/2566 เรื่อง กลไกการกำกับดูแลกิจการของสถาบันการเงินและกลุ่มธุรกิจทางการเงิน

      3. 2.2.3 ทบทวนและติดตามความเสี่ยงทั้งหมด รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยง ซึ่งครอบคลุม ถึงการควบคุมภายใน และการกำกับขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Process) รวมถึงระบบปฏิบัติงาน (System)
    3. 2.3 อนุมัติการแต่งตั้ง การทบทวนโครงสร้างและองค์ประกอบ รวมถึงบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงในระดับจัดการชุดย่อยต่างๆ
    4. 2.4 รายงานผลการปฏิบัติในเรื่องบริหารความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยงในเรื่องต่างๆ รวมทั้ง มาตรการในการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อคณะกรรมการธนาคารและหารือแลกเปลี่ยนกับคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีนโยบายและกลยุทธ์ครอบคลุมความเสี่ยงด้านต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงใหม่ๆ และการนำไปปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลสอดคล้องตามนโยบายและกลยุทธ์ที่ธนาคารกำหนดไว้
    5. 2.5 ให้คำแนะนำในการพัฒนาและการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการบริหารความเสี่ยงให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยผ่านทางวิธีปฏิบัติ (Procedure) การฝึกอบรมและการปฏิบัติของผู้นำ เพื่อให้พนักงานได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการกระทำของตนซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อธนาคาร รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจของตน
    6. 2.6 ให้คำแนะนำในการวางโครงสร้างผลตอบแทน ให้มีความสอดคล้องกับการบริหารความเสี่ยง และวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
    7. 2.7 ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยงให้ความเห็นชอบในการพิจารณาการแต่งตั้งหรือโอนย้ายหรือถอดถอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยงและมีส่วนร่วมในการประเมินการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยงและรับทราบ KPI ของประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยง
    8. 2.8 อนุมัติการแต่งตั้ง โยกย้าย และประเมินผลการปฏิบัติงานและประสิทธิผลของหัวหน้ากำกับการปฏิบัติงาน
    9. 2.9 ควบคุม ติดตาม ตรวจสอบ และกำกับดูแลให้บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินดำเนินการตามนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งทบทวนความเพียงพอและความมีประสิทธิผลของนโยบายที่กำหนดอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้สามารถครอบคลุมความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    10. 2.10 ประเมินการบริหารความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินและรายงานโดยตรงต่อคณะกรรมการธนาคารอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้คณะกรรมการธนาคารสามารถติดตามการบริหารงานของกลุ่มธุรกิจทางการเงินได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง และในกรณีที่มีเหตุการณ์ที่อาจ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินให้คณะกรรมการกำกับความเสี่ยงรายงานต่อคณะกรรมการธนาคารในทันที
    11. 2.11 รับทราบรายงานการบริหารความเสี่ยงของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่ถือหุ้นโดยธนาคารอย่างสม่ำเสมอ
    12. 2.12 ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่คณะกรรมการธนาคารมอบหมายหรือกฎหมายกำหนด
  4. องค์ประกอบ
  5. คณะกรรมการกำกับความเสี่ยง ประกอบด้วย กรรมการ 7 คน โดยเป็นกรรมการธนาคารซึ่งไม่ใช่ผู้บริหารหรือกรรมการอิสระ 5 คน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยง
  6. การประชุม
    1. 4.1 องค์ประชุม
      1. 4.1.1 องค์ประชุมต้องประกอบด้วยกรรมการไม่ต่ำกว่า 4 คน และอย่างน้อยสองคนในนั้นต้องเป็นกรรมการธนาคาร ซึ่งไม่ใช่ผู้บริหาร หรือกรรมการอิสระ
      2. 4.1.2 ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการกำกับความเสี่ยงไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติ หน้าที่ได้ให้กรรมการธนาคารซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารหรือกรรมการอิสระ คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทน
    2. 4.2 กำหนดการประชุม
      กำหนดการประชุมปีละ 6 ครั้ง หรือตามความจำเป็น โดยคำสั่งของประธานคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง
      หมายเหตุ: เรื่องที่คณะกรรมการกำกับความเสี่ยงจะพิจารณาจัดประชุมเป็นกรณีเร่งด่วน ปรากฏอยู่ในภาคผนวกของแม่บทกฎบัตรคณะกรรมการธนาคาร
    3. 4.3 รูปแบบการประชุม
      1. 4.3.1 การประชุมสามารถดำเนินการในรูปแบบการจัดให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงเข้าร่วมประชุม ณ สถานที่จัดการประชุม และหรือเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
      2. 4.3.2 ในกรณีเร่งด่วนสามารถเวียนขอมติโดยนับเป็นองค์ประชุมได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากประธานคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง
    4. 4.4 การลงมติ
      1. 4.4.1 กรรมการกำกับความเสี่ยงหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง เว้นแต่ กรรมการกำกับความเสี่ยงซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      2. 4.4.2 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการกำกับความเสี่ยงให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการกำกับความเสี่ยงที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง
      3. 4.4.3 ในกรณีที่คะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
      4. 4.4.4 กรณีการขอมติเวียนเพื่ออนุมัติ ต้องส่งเรื่องให้กรรมการทุกคนพิจารณา
    5. 4.5 การรายงาน
      คณะกรรมการกำกับความเสี่ยงเสนอรายงานต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อรับทราบการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ โดยรายงานควรครอบคลุมถึงสถานะความเสี่ยง ความมีประสิทธิผลของการบริหารความเสี่ยงวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยง รวมถึงปัญหาหรือประเด็นที่มีนัยสำคัญในการบริหารความเสี่ยง โดยครอบคลุมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือประเด็นที่มีนัยสำคัญในการบริหารความเสี่ยง
    6. 4.6 เลขานุการคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง
      คณะกรรมการกำกับความเสี่ยงเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง เพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง โดยรวมถึงการดูแลให้มีการจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับความเสี่ยงทุกครั้ง และจัดเก็บเอกสารเพื่อการตรวจสอบ รวมถึงนำส่งต่อหน่วยงานทางการตามที่กฎเกณฑ์กำหนดไว้ (ถ้ามี)

รายงานคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง