ในการดำเนินธุรกิจเมื่อผู้ประกอบการได้ดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว เริ่มมองถึงการเติบโตในอนาคตก็คงจะต้องเริ่มพิจารณาว่าควรจะจดทะเบียนบริษัทหรือยัง ซึ่งการจดทะเบียนบริษัทมีประโยชน์อย่างไร และจะเหมาะสมกับธุรกิจที่มีลักษณะแบบไหน ยุ่งยากหรือไม่ finbiz by ttb ได้รวบรวมข้อมูลไว้แล้ว
จดทะเบียนบริษัทดีอย่างไร?
การจดทะเบียนเป็นบริษัทจะสร้างความได้เปรียบให้กับองค์กรในมิติต่าง ๆ ดังนี้
- ความน่าเชื่อถือ การจดทะเบียนบริษัทจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรได้ โดยมีสถานะเป็น “นิติบุคคล”
- คุ้มครองความรับผิดชอบของเจ้าของธุรกิจ เพราะความรับผิดชอบจะเป็นของบริษัท เช่น ในกรณีที่เป็นหนี้สินของกิจการ เจ้าหนี้ไม่สามารถยึดทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าของกิจการ หรือผู้ถือหุ้นได้
- ความได้เปรียบด้านภาษี
- มีโอกาสเสียภาษีต่ำกว่า เพราะสามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริง
- ไม่ต้องเสียภาษีในกรณีที่ขาดทุน
- ได้รับการยกเว้นภาษีในกำไร 3 แสนบาทแรก
- อัตราภาษี 15% ในกรณีที่กำไรไม่เกิน 3 ล้านบาท
- ความได้เปรียบด้านการสนับสนุน
- มีโอกาสที่ในการพิจารณาสินเชื่อได้ดีกว่า เพราะในภาพรวมนิติบุคคลจะได้เปรียบกว่าบุคคลธรรมดา
- ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการต่าง ๆ จากภาครัฐฯ
ธุรกิจควรเป็นบริษัท เมื่อ...
แม้ว่าการจดทะเบียนบริษัทจะได้เปรียบในมิติต่าง ๆ ก็ตาม แต่ก็ควรจะจดทะเบียนบริษัท เมื่อมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการจดทะเบียนบริษัท หรือมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอนในการก่อตั้งบริษัท ดังต่อไปนี้
- มีรายได้มากกว่า 750,000 บาทต่อปี
- เริ่มมีผู้ร่วมลงทุนหลายคน
- ต้องการสร้างเครดิตทางบัญชี สร้างความน่าเชื่อถือ
- คาดการณ์แล้วว่าอนาคตจะเติบโตอย่างแน่นอน
- พร้อมในการจัดทำเอกสาร หรือ มีตัวช่วยในการทำเอกสารที่เชื่อถือได้
- พร้อมสำหรับภาระภาษีที่ต้องนำส่งหน่วยงานรัฐทุกเดือน หรือมีตัวช่วยที่เชี่ยวชาญ
หากพิจารณาแล้วว่า องค์กรมีความพร้อมก็สามารถดำเนินการจดทะเบียนบริษัทได้ ในปัจจุบันยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า การจดทะเบียนบริษัทเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน ซึ่งความจริงก็ไม่ได้อยากยากอย่างที่คิด
จดทะเบียนบริษัทยุ่งยากจริงเหรอ?
“จดบริษัทแล้วยุ่งยากจริงไหม จดแล้วจะโดนตรวจสอบจริงหรือเปล่า”
ประเด็นที่มักถูกเข้าใจผิด เกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัท ออกเป็น 3 ประเด็น นั่นคือ
- จดบริษัทแล้วมีโอกาสหลบภาษียากขึ้น
- เอกสารวุ่นวายมากมาย
- ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอีกด้วย
เรามาเริ่มทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างถูกต้องกันดีกว่า
1 ) จดบริษัทแล้วมีโอกาสหลบภาษียากขึ้น
ประเด็นนี้เริ่มต้นจากแนวคิดว่า ถ้าเราเป็นบุคคลธรรมดาจะมีโอกาสถูกตรวจสอบสรรพากรน้อยกว่า และสามารถใช้สิทธิ์หักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบเหมาได้ด้วย
ข้อเท็จจริงคือ การตรวจสอบของกรมสรรพากรนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่รูปแบบของธุรกิจว่าเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัท (นิติบุคคล) แต่ขึ้นอยู่กับประเด็นความผิดหรือความสงสัยที่ถูกตรวจสอบพบมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือบริษัท (นิติบุคคล) ก็มีโอกาสถูกตรวจสอบทั้งหมด
และถ้าหากพิจารณาในรายละเอียดของข้อกฎหมายต่างๆ และแนวทางการตรวจสอบของสรรพากรแล้ว เราจะพอสังเกตได้ว่า การทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดานั้นอาจมีโอกาสถูกตรวจสอบมากกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากสรรพากรเองก็ทราบดีว่าบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจนั้น มีโอกาสหลบเลี่ยงและหนีภาษีได้ง่ายกว่า
ประกอบกับเงื่อนไขและความซับซ้อนของการทำบัญชี ที่บริษัท (นิติบุคคล) นั้นต้องมีการทำบัญชีและนำส่งงบการเงินรวมถึงส่งข้อมูลต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ในขณะที่บุคคลธรรมดานั้นถูกกำหนดให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายตามแนวทางของกรมสรรพากรเท่านั้น
2) จดบริษัทแล้วต้องจัดการเอกสารต่าง ๆ วุ่นวายมากมาย
ข้อเท็จจริงคือ จริง เอกสารต่าง ๆ จะมากกว่าเป็นบุคคลธรรมดาจริง แต่เอกสารเหล่านั้นนำประโยชน์ด้านอื่น ๆ มาให้
การเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ต้องมีเอกสารมากมาย การหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นแบบเหมา ถ้าจดบริษัทแล้วเอกสารต่าง ๆ ก็จะย่อมจะมากขึ้น แต่ในมุมของ “สินเชื่อ” และ “การเงิน” เนื่องจากความยุ่งยากวุ่นวายของการเตรียมเอกสารที่ว่านั้นทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ง่ายกว่า และมีโอกาสได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา
นอกจากโอกาสทางด้านสินเชื่อแล้ว ถ้าหากมองไปถึงโอกาส “การเงิน” ในการลงทุนต่อยอด เช่น การขยายธุรกิจ การเติบโต ความโปร่งใสต่างๆ รวมถึงความสนใจของนักลงทุน เมื่อธุรกิจมีข้อมูลที่ละเอียดและตรวจสอบได้ ก็เป็นการสร้างโอกาสเติบโตได้อีกช่องทางหนึ่ง
และท้ายที่สุดแล้ว การจดบริษัทยังทำให้ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลทางการเงินต่าง ๆ ที่มี มาช่วยวางแผนในการตัดสินใจทางด้านการเงินต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน
และถ้าหากมองไปยังประเด็นทางด้าน “ภาษีเงินได้” การเป็นนิติบุคคลจะเสียภาษีน้อยกว่าการเป็นบุคคลธรรมดา เพราะอัตราภาษีเงินได้ของนิติบุคคลนั้นมีอัตราที่ต่ำกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
จากตัวอย่างข้างต้น จะพบว่าการเป็นบุคคลธรรมดานั้นหากเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาและไม่วางแผนลดหย่อนภาษีใด ๆ เพิ่มเติมเลย จะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาถึง 947,000 บาท แต่ถ้าหากบุคคลธรรมดารายดังกล่าวเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง (ตามจำเป็นและสมควร) จะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวน 350,000 บาท
แต่ถ้าหากเป็นบริษัท (นิติบุคคล) ที่เข้าเงื่อนไขของการเป็น SMEs ตามที่กฎหมายกำหนด พบว่าจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องเสีย คือ 255,000 บาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวเป็นภาพรวมคร่าวๆเท่านั้น อาจจะต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นด้วยอีกทางหนึ่ง
และนั่นแปลว่า ถ้าหากธุรกิจมีข้อมูลที่ถูกต้อง ย่อมจะส่งผลดีต่อการเงินและการวางแผนภาษีของธุรกิจอีกต่อหนึ่ง
3 ) จดบริษัทแล้วต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อเท็จจริงคือ ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา หรือว่าบริษัท (นิติบุคคล) ก็ตาม ธุรกิจดังกล่าวจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน เมื่อมีรายได้ที่กฎหมายไม่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
สำหรับธุรกิจที่เข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลธรรมดาแล้วไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ว่ารายได้ที่ได้รับจะเกิน 1.8 ล้านบาท อันนี้อาจจะเป็นการทำผิดกฎหมายที่สรรพากรยังตรวจสอบไม่เจอ ซึ่งถ้าเจอเมื่อไรก็แปลว่ามีปัญหาแน่นอน
โดยเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ธุรกิจจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องของการตั้งราคาขายที่รวมหรือไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ให้ถูกต้องด้วย เพราะไม่อย่างนั้นคนที่ตั้งราคาให้กับเรา อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และไม่ใช่ตั้งราคาอย่างเดียว อาจจะมีทั้งเบี้ยปรับ ค่าปรับ เงินเพิ่มต่าง ๆ ที่ธุรกิจต้องจ่ายย้อนหลังอีกด้วย
ดังนั้น ถ้าหากธุรกิจอยากเติบโตได้อย่างมั่นใจ มีโอกาสทางด้านสินเชื่อ เงินลงทุน ประหยัดภาษี และมีข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจ การตัดสินใจจดบริษัทน่าจะตอบโจทย์มากกว่าการเป็นบุคคลธรรมดา
สุดท้ายนี้ ถ้าเรามองว่าธุรกิจของเรามีโอกาสเติบโตแน่ และมีโอกาสไปได้ไกลกว่านี้ ก็อย่าให้เรื่องภาษีหรือว่าความกลัวมาเป็นข้อจำกัดของธุรกิจอีกต่อไ
ที่มา :
- คุณถนอม เกตุเอม ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี และ เจ้าของเพจ TAXBugnoms
- flowaccount.com
finbiz by ttb
โครงการเสริมความรู้สู่การเป็น Smart SME ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม
พร้อมองค์ความรู้ ที่ครบครัน จาก Partner ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวผ่านความท้าทายของโลกปัจจุบัน
ปรับตัวตอบโจทย์ยุคดิจิทัล พร้อมมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME